ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 
แสดง 33 ถึง 40 จาก 182 รายการ, 23 หน้า
พระพุทธไสยาส, พระพุทธไสยาสน์
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธไสยาส, พระพุทธไสยาสน์

พระพุทธรูปประทับนอนตะแคงขวาหรือสีหไสยาสน์ พระหัตถ์ขวาตั้งขึ้นรองรับพระเศียร โดยมีพระเขนยทรงสี่เหลี่ยมประดับลวดลายดอกไม้อิทธิพลศิลปะจีนรองรับอีกทีหนึ่ง พระพุทธรูปมีรูปแบบเป็นศิลปะรัตนโกสินทร์ กล่าวคือ พระพักตร์สงบนิ่ง พระเนตรเหลือบต่ำ พระขนงโก่ง พระโอษฐ์บางเรียว พระกรรณยาว ขมวดพระเกศาขนาดเล็ก มีอุษณีษะ และพระรัศมีเป็นเปลวเพลิง ครองจีวรห่มเฉียงเรียบ ไม่มีริ้ว จีวรบางแนบพระวรกาย มีชายสังฆาฏิเป็นแถบสี่เหลี่ยม ปลายเป็นเขี้ยวตะขาบ พาดจากพระอังสาซ้ายมาที่กลางพระอุระ ยาวจรดกึ่งกลางพระนาภี สบงมีแถบสี่เหลี่ยมยาวที่ด้านหน้าจรดข้อพระบาท และมีขอบรัดประคดฝ่าพระบาททั้ง 2 ข้าง ประดับมุกลวดลายมงคล 108 ประการ แบ่งประเภทต่างๆ ได้ดังนี้1. สัญลักษณ์แห่งโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ เช่น หม้อน้ำ ปลาคู่ สวัสดิกะ พวงมณี ดอกบัว เป็นต้น2. เครื่องประกอบพระบารมีของกษัตริย์และพระเจ้าจักรพรรดิ เช่น รัตนะ 7 ประการ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ บัลลังก์ เครื่องสูง เครื่องยศ เครื่องต้นต่างๆ และราชพาหนะ เป็นต้น 3. ภาพสัญลักษณ์ภูมิในจักรวาลตามความเชื่อของพระพุทธศาสนา เช่น เขาจักรวาล มหาสมุทร ทวีปทั้ง 4 เขาพระสุเมรุ เขาสัตตบริภัณฑ์ ป่าหิมพานต์ เป็นต้น

พระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาล
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระบรมราชสัญลักษณ์ประจำรัชกาล

บุษบกทุกองค์ทำด้วยโลหะปิดทองประดับกระจก มีลักษณะเป็นบุษบกโถง ประกอบด้วยเสาย่อมุมทั้ง 4 มุม รับเครื่องหลังคาที่เป็นยอดแหลม ซุ้มสาหร่ายทุกด้านออกลายเทพนม ส่วนฐานบุษบกประดับชั้นเทพนมบุษบกด้านทิศเหนือประดิษฐานพระบรมราชสัญลักษณ์รัชกาลที่ 1-3 ดังนี้พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เป็นรูปพระมหามงกุฎไม่มีกรรเจียก พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นรูปครุฑยุดนาค พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเจ้าอยู่หัว เป็นรูปพระวิมาน บุษบกด้านทิศใต้องค์หนึ่งประดิษฐานพระบรมราชสัญลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรูปพระมหามงกุฎมีกรรเจียกประดับ และอีกองค์หนึ่งประดิษฐานพระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรูปพระจุลมงกุฎ หรือพระเกี้ยว บุษบกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือประดิษฐานประบรมราชสัญลักษณ์ 4 รัชกาล ดังนี้พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรูปวชิราวุธ พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นรูปพระแสงศร 3 องค์ คือ พระแสงศรพรหมาสตร์ พระแสงศรประลัยวาต พระแสงศรอัคนิวาต เหนือราวพาดพระแสงเป็นดวงตรามหาจักรีบรมราชวงศ์ภายใต้พระมหาพิชัยมงกุฎ พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร์ เป็นรูปดุสิตเทพบุตรประทับนั่งห้อยพระบาทขวาบนบัลลังก์ดอกบัว พระบรมราชสัญลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เป็นรูปพระที่นั่งอัฐทิศอุทุมพรราชอาสน์ มีอุณาโลมล้อมด้วยจักรและรัศมีอยู่เหนือพระที่นั่ง ด้านบนมีพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระบรมราชสัญลักษณ์ทั้งหมดประดิษฐานภายในบุษบกเหนือฐานหินอ่อน รอบฐานมีประติมากรรมรูปช้างทำด้วยสำริด หมายถึงพระยาช้างเผือกและช้างสำคัญในรัชกาลนั้นๆ

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
กรุงเทพมหานคร
สถาปัตยกรรมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นอาคารแบบไทยประเพณีก่ออิฐถือปูน เครื่องหลังคาทำด้วยไม้มุงกระเบื้องเคลือบสี หลังคาซ้อนชั้น หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปพระนารายณ์ทรงครุฑ ปิดทองประดับกระจก ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา นาคสะดุ้งและหางหงส์ มีเสาพาไลที่เป็นเสาย่อมุมปิดทองประดับกระจก มีบัวแวงประดับหัวเสา และมีคันทวยรองรับชายคา ผนังภายนอกพระอุโบสถปิดทองประดับกระจกสีเป็นลายพุ้มข้าวบิณฑ์ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรบนบุษบกสูง ที่ด้านหน้ายังมีพระพุทธรูปสำคัญอีกหลายองค์ เช่น พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระสัมพุทธพรรณี เป็นต้น ที่ฝาผนังภายในพระอุโบสถเขียนภาพจิตรกรรมเรื่องไจรภูมิโลกสัณฐาน พุทธประวัติ และกระบวนพยุหยาตราทางชลมารคและสถลมารค สถาปัตยกรรมที่สำคัญอื่นๆ ภายในวัด เช่น บริเวณด้านทิศเหนือของพระอุโบสถเป็นฐานไพทีสูง ประดิษฐานพระศรีรัตนเจดีย์ มีรูปแบบเป็นเจดีย์ทรงระฆังซึ่งถ่ายแบบมาจากเจดีย์ประธานของวัดพระศรีสรรเพชญ ประดับด้วยกระเบื้องสีทองตลอดทั้งองค์ ถัดมาเป็นพระมณฑปประดิษฐานพระไตรปิฎก อาคารอยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส หลังคาซ้อนชั้นเป็นทรงกรวยยอดแหลม ที่บานประตูประดับมุก มียักษ์ทวารบาลที่ด้านหน้า บันไดทางขึ้นประดับด้วยนาคที่มีหน้าเป็นมนุษย์ ถัดมาคือปราสาทพระเทพบิดรซึ่งมีรูปแบบเป็นอาคารทรงปราสาทจตุรมุขที่มียอดปรางค์ หน้าบันทั้ง 4 ประดับตราพระบรมราชสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ 1-4 บานประตูหน้าต่างประดับตราพระบรมราชสัญลักษณ์ในรัชกาลที่ 1-5 ภายในประดิษฐานพระบรมรูปพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1-8

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์
กรุงเทพมหานคร
จิตรกรรมจิตรกรรมฝาผนังเรื่องรามเกียรติ์

จิตรกรรมแบบไทยประเพณีผสมผสานกับเทคนิคการเขียนภาพแบบสมัยใหม่ ลักษณะที่แสดงถึงความเป็นจิตรกรรมไทยแบบประเพณี ได้แก่ ภาพบุคคลในเรื่องที่เป็นตัวละคนสำคัญแต่งกายยืนเครื่องเช่นเดียวกับการแต่งกายในการแสดงโขน กิริยาอาการอยู่ในท่านาฏลักษณ์ มีการปิดทองคำเปลวที่เครื่องทรงของตัวละครที่สำคัญ เป็นต้น ส่วนเทคนิคการเขียนภาพแบบใหม่ที่แตกต่างจากจิตรกรรมไทยประเพณี ได้แก่ การกำหนดเส้นขอบฟ้าและวางระยะของวัตถุในภาพทำให้เกิดมิติ การเขียนภาพเหมือนของอาคารสถานที่ที่มีอยู่จริง เช่น พระมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง และการเขียนภาพทิวทัศน์ต่างๆ อย่างเหมือนจริง นอกจากนี้ ยังมีการสอดแทรกเรื่องราววิถีชีวิตชาววัง ชาวบ้าน และอารมณ์ขันต่างๆ ผ่านตัวละครประกอบของเรื่อง จิตรกรรมฝาผนังมีทั้งสิ้น 178 ห้องภาพ ใต้ภาพมีโคลงเรื่องรามเกียรติ์ประกอบ รวมทั้งสิ้น 224 บท

ยักษ์วัดพระแก้ว
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมยักษ์วัดพระแก้ว

ประติมากรรมรูปยักษ์ทั้ง 12 ตน ทำด้วยปูนปั้น เครื่องแต่งกายประกอบขึ้นจากกระเบื้องเคลือบสีต่างๆ ทำเป็นมงกุฎที่มียอดแตกต่างกันเช่นเดียวกับหัวโขน สวมเสื้อแขนยาว สนับเพลา ชายไหว รองเท้าปลายแหลม ลักษณะเดียวกับเครื่องแต่งกายโขน ระบายสีผิวพรรณแตกต่างกันโดยใช้สีเช่นเดียวกับหัวโขนของยักษ์แต่ละตน ยักษ์ทั้ง 6 คู่ ประกอบด้วยคู่ที่ 1. สุริยาภพ และอินทรชิต คู่ที่ 2. มังกรกัณฐ์ และวิรุฬหก คู่ที่ 3. ทศคีจันธร และทศคีรีวัน คู่ที่ 4. จักรวรรดิ์ และอัศกรรณมาราสูร คู่ที่ 5. ทศกัณฐ์ และสหัสสเดชะ คู่ที่ 6. ไมยราพ และวิรุฬจำบัง

ปราสาทนครวัดจำลอง
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมปราสาทนครวัดจำลอง

ปราสาทนครวัดจำลองอยู่ในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ปราสาทประธานอยู่กึ่งกลางของแผนผังโดยมีความสูงมากที่สุด ล้อมรอบด้วยระเบียงคดที่มีความสูงลดหลั่นลงมา 3 ชั้น ระเบียงคดแต่ละชั้นประกอบด้วยเสาและหลังคาที่ทอดยาวเชื่อมต่อกัน โดยมีโคปุระหรือประตูทางเข้าที่กลางด้าน และที่มุมทั้ง 4 มีหน้าบันซ้อนชั้น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการจำลองแบบ ดังนั้นสัดส่วนและรายละเอียดต่างๆ จึงแตกต่างจากปราสาทนครวัดในศิลปะเขมร โดยจะพบว่าส่วนยอดของปราสาทประธานและบริวารมีลักษณะคล้ายส่วนยอดของปรางค์ในศิลปะไทย

พระพุทธรูปแสดงพุทธกิจวัตรประจำวัน
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธรูปแสดงพุทธกิจวัตรประจำวัน

พระพุทธรูปทุกองค์มีรูปแบบอย่างที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 3 กล่าวคือ มีพระพักตร์สงบนิ่ง อ่อนเยาว์ คล้ายหุ่นละคร เม็ดพระศกเล็ก มีอุษณีษะ และพระรัศมีเปลว ครองจีวรห่มเฉียงเรียบไม่มีริ้ว มีสังฆาฏิเป็นแผ่นพาดจากพระอังสาซ้ายมาที่กลางพระอุระ ชายสบงยาว มีขอบรัดประคดและจีบด้านหน้าเป็นแถบสี่เหลี่ยม นิ้วพระหัตถ์และนิ้วพระบาทยาวเสมอกัน พระพุทธรูปแต่ละองค์มีอิริยาบถที่แตกต่างกันดังนี้1.พระพุทธรูปไสยาสน์ ประดิษฐานบนพระแท่นศิลาสลักแบบจีนในศาลามุมหน้าด้านขวา พระพุทธรูปประทับนอนตะแคงขวา พระหัตถ์ขวารองรับพระเศียรโดยมีหมอนสามเหลี่ยมอยู่ด้านหลัง พระบาทซ้อนเสมอกัน2.พระพุทธรูปทรงตื่นบรรทม ประทับนั่งห้อยพระบาท มีดอกบัวรองรับ บนพระแท่นศิลาสลักแบบจีน พระหัตถ์ทั้งสองข้างวางเสมอกันบนพระเพลา3.พระพุทธรูปยืนทรงครองจีวร ประดิษฐานในศาลามุมหลังด้านซ้าย แสดงการครองจีวรโดยยกพระหัตถ์ซ้ายขึ้นยึดชายจีวรที่พระอุระ พระพุทธรูเสวยพระกระยาหาร ประดิษฐานในศาลามุมหลังด้านขวา ประทับขัดสมาธิ พระหัตถ์ขวาหงายอยู่ในระดับพระนาภี พระหัตถ์ซ้ายวางคว่ำเหนือพระชงฆ์

พระพุทธรูปท่ามกลางพระอสีติมหาสาวก
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธรูปท่ามกลางพระอสีติมหาสาวก

พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิบนแท่นฐานบัวเตี้ยๆ แวดล้อมด้วยพระอสีติมหาสาวกจำนวน 80 รูป ซึ่งอยู่ในท่านั่งพับเพียบ พนมมือ นั่งเรียงเป็นแถวซ้ายขวาทางด้านหน้า และล้อมด้านหลังพระพุทธรูป พุทธลักษณะเป็นแบบพระราชนิยมในรัชกาลที่ 4 กล่าวคือ ไม่มีอุษณีษะ โดยมีเพียงขมวดพระเกศาและต่อด้วยพระรัศมีเปลว ขนาดพระวรกายมีความสมจริงใกล้เคียงกับบุคคลโดยทั่วไป ใบพระกรรณหดสั้นคล้ายใบหูมนุษย์มากขึ้น ครองจีวรห่มเฉียงมีริ้วอย่างเป็นธรรมชาติ และมีสังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่พาดผ่านพระอังสาซ้าย พระหัตถ์ทั้ง 2 ข้างวางพาดบนพระเพลาอย่างเป็นธรรมชาติอันหมายถึงการแสดงพระธรรมเทศนาโดยไม่แสดงวิตรรกมุทรา ระบายสีจีวรด้วยสีเหลือง และระบายสีพระพักตร์และพระฉวีด้วยสีเนื้อ พระขนงและพระเนตรเป็นสีดำตามแนวคิดแบบสมจริง รูปพระสาวกอยู่ในท่านั่งพนมมือ ครองจีวรห่มเฉียงระบายสีเหลือง โดยมีสังฆาฏิแผ่นใหญ่พาดทับบ่าซ้ายเช่นเดียวกันทั้งหมด ศีรษะโล้นเรียบระบายด้วยสีดำ แต่พระอสีติมหาสาวกทั้ง 80 รูปก็มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกันไป เช่น สีผิว รายละเอียดบนใบหน้า รอยยับของจีวร