ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 
แสดง 1 ถึง 8 จาก 15 รายการ, 2 หน้า
พระเจ้าแข้งคม
เชียงใหม่
ประติมากรรมพระเจ้าแข้งคม

พระพุทธรูปองค์นี้ประทับนั่งขัดสมาธิราบปางมารวิชัย พระพักตร์สี่เหลี่ยม พระเนตรเปิดมองตรง พระโอษฐ์หนา ขอบพระโอษฐ์ซ้อนกันสองเส้น มีไรพระศก ขมวดพระเกศาขนาดเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวสูง สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่ยาวลงมาจรดพระนาภีปลายเป็นริ้วซ้อนกัน พระหัตถ์ขวาวางที่กึ่งกลางพระชงฆ์ นิ้วพระหัตถ์ยาวไม่เสมอกัน พระอังคุฐแยกห่างจากนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 แข้งคม

พระพุทธไตรรัตนนายก
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธไตรรัตนนายก

พระพุทธไตรรัตนนายกมีรูปแบบเฉพาะอย่างพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 กล่าวคือ พระวรกายค่อนข้างเพรียว พระพักตร์ค่อนข้างกลมกึ่งรูปไข่ ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลว พระขนงโก่ง เส้นขอบเปลือกพระเนตรและพระขนงป้ายเป็นแผ่นเช่นเดียวกับพระพุทธรูปอยุธยาตอนปลาย พระเนตรเปิดและมองตรง พระนาสิกค่อนข้างเล็กและโด่ง พระโอษฐ์เล็ก เส้นพระโอษฐ์อ่อนโค้งเล็กน้อยเกือบเป็นเส้นตรง คล้ายเรือประทุน พระพักตร์อย่างหุ่น ประทับนั่งแสดงปางมารวิชัย นิ้วพระหัตถ์เรียวยาวเสมอกัน สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่พาดอยู่กึ่งกลางพระวรกาย

พระธาตุหริภุญชัย
ลำพูน
สถาปัตยกรรมพระธาตุหริภุญชัย

พระธาตุหริภุญชัยจัดเป็นรูปแบบของเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา ก่ออิฐ หุ้มทองจังโก องค์ประกอบสำคัญตั้งแต่ส่วนฐานจนถึงส่วนยอด ได้แก่ ฐานบัวสองฐานซ้อนกันในผังสี่เหลี่ยมเพิ่มมุม(หรือยกเก็จ) ถัดขึ้นไปเป็นชุดฐานบัวลูกแก้วอกไก่ในผังกลมซ้อนลดหลั่นกัน 3 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นองค์ระฆังกลมซึ่งมีลายประจำยามและภาพดุนนูนพระพุทธรูปประดับอยู่ จากนั้นเป็นบัลลังก์เพิ่มมุมไม้สิบสอง แกนปล้องไฉน ปล้องไฉน ปลี และฉัตร

จันทิกะลาสัน
กลาเตน
สถาปัตยกรรมจันทิกะลาสัน

จันทิกะลาสัน เป็นตัวอย่างจันทิในแผนผังห้าห้องแห่งแรกๆในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย ซึ่งจะปรากฏอีกกับจันทิเซวูและจันทิปรัมบะนัน ผังห้าห้องนี้ทำให้เกิดอาคารในผังกากบาทขึ้นซึ่งคงเกี่ยวข้องกับศิลปะปาละมาก่อน เรือนธาตุหลักยังคงแบ่งออกเป็นสามเก็จ โดยเก็จประธานได้กลายเป็น “อาคารประกบ” ตามระบบ “ปราสาทซ้อนปราสาท” ส่วนเก็จมุมมีเสาติดผนังขนาบซุ้มทรงปราสาทที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิชปะชวาภาคกลาง ด้านบนยอดเป็นการซ้อนชั้นตามแบบวิมานอินเดียใต้ อย่างไรก็ตามเรือนธาตุจำลองกลับอยู่ในผังแปดเหลี่ยมซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะก่อนหน้า โดยรอบมี “อาคารจำองยอดสถูปิกะ” ประดับ ซึ่งถือเป็นลักษณะที่โดดเด่นในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย

ซุ้มจระนำที่จันทิกะลาสัน
กลาเตน
สถาปัตยกรรมซุ้มจระนำที่จันทิกะลาสัน

จันทิกะลาสัน เป็นตัวอย่างจันทิในแผนผังห้าห้องแห่งแรกๆในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย ซึ่งจะปรากฏอีกกับจันทิเซวูและจันทิปรัมบะนัน ผัวห้าห้องนี้ทำให้เกิดอาคารในผังกากบาทขึ้นซึ่งคงเกี่ยวข้องกับศิลปะปาละมาก่อน เรือนธาตุหลักยังคงแบ่งออกเป็นสามเก็จ โดยเก็จประธานได้กลายเป็น “อาคารประกบ” ตามระบบ “ปราสาทซ้อนปราสาท” ส่วนเก็จมุมมีเสาติดผนังขนาบซุ้มทรงปราสาทที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในศิชปะชวาภาคกลาง ด้านบนยอดเป็นการซ้อนชั้นตามแบบวิมานอินเดียใต้ อย่างไรก็ตามเรือนธาตุจำลองกลับอยู่ในผังแปดเหลี่ยมซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในระยะก่อนหน้า โดยรอบมี “อาคารจำองยอดสถูปิกะ” ประดับ ซึ่งถือเป็นลักษณะที่โดดเด่นในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย

จันทิเซวู
กลาเตน
สถาปัตยกรรมจันทิเซวู

จันทิหลังประธานของจันทิเซวูมีแผนผังกากบาทเช่นเดียวกับจันทิกะลาสันและจันทิปรัมบะนัน กล่าวคือ มีห้องครรภคฤหะตรงกลางและล้อมรอบไปด้วยมุขสี่ทิศ รวมกันเป็นห้าห้อง ซึ่งคงเป็นอิทธิพลจากผังกากบาทของปหรรปุระในศิลปะปาละตอนต้น แผนผังแบบนี้เข้ามาและได้รับความนิยมเฉพาะศิลปะชวาภาคกลางตอนปลายจันทิในผังห้าห้องนี้คงสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระธยานิพุทธเจ้าตามทิศ อนึ่ง มีรายงานว่าได้ค้นพบขมวดพระเกศาขนาดใหญ่ซึ่งอาจเคยเป็นของพระพุทธรูปที่ประดิษฐานในจันทิเซวูก็ได้ ด้านบนยอดปรากฏสถูปขนาดใหญ่ล้อมรอบด้วยสถูปขนาดเล็ก ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะของอาคารในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย

เรือนธาตุของอาคารประธาน: จันทิเซวู
กลาเตน
สถาปัตยกรรมเรือนธาตุของอาคารประธาน: จันทิเซวู

จันทิหลังประธานของจันทิเซวูมีแผนผังกากบาทเช่นเดียวกับจันทิกะลาสันและจันทิปรัมบะนัน กล่าวคือ มีห้องครรภคฤหะตรงกลางและล้อมรอบไปด้วยมุขสี่ทิศ รวมกันเป็นห้าห้อง ซึ่งคงเป็นอิทธิพลจากผังกากบาทของปหรรปุระในศิลปะปาละตอนต้น เรือนธาตุของจันทิประธาน ประกอบด้วยเก็จจำนวนสามเก็จ คือเก็จประธานและเก็จมุม เก็จประธานเป็นซุ้มกาล-มกรขนาดใหญ่ โดยมีหน้ากาลอยู่ด้านบนและมีมกรหันออกอยู่ด้านล่าง ทั้งหมดเป็นกรอบครอบซุ้มประตูรูปกูฑุ ส่วนเก็จมุมขนาบปรากฏ “ซุ้มจระนำและเสา” ซึ่งเป็นระเบียบเดียวกับซุ้มพระโพธิสัตว์ที่เก็จมุมของจันทิเมนดุต จันทิปะวนและจันทิกะลาสัน อย่างไรก็ตาม ซุ้มจระนำที่นี่กลับบรรจุแถบลวดลายพวงอุบะจนเต็ม

จันทิหลังบริวาร: จันทิเซวู
กลาเตน
สถาปัตยกรรมจันทิหลังบริวาร: จันทิเซวู

แผนผังรวมของจันทิเซวูประกอบด้วยจันทิประธานตรงกลางซึ่งล้อมรอบด้วยจันทิบริวารจำนวนมาก แผนผังจันทิเซวูอยู่จึงในระบบ “มณฑล” หรือการจำลองจักรวาลที่เต็มไปด้วยที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์และเทพเจ้าในตำแหน่งต่างๆ อนึ่ง ชื่อจันทิเซวู ซึ่งแปลว่าจันทิพันหลัง ซึ่งคงได้มาจากจันทิบริวารจำนวนมากนั่นเอง แม้ว่าแท้จริงแล้วจะมีเพียง 240 หลังก็ตามจันทิบริวารเหล่านี้ คงมีต้นเค้ามาจากห้องกุฏิจำนวนมากที่วงเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่ล้อมรอบอาคารประธานที่ปหรรปุระในศิลปะปาละ แต่จันทิเซวูกลับออกแบบให้จันทิแต่ละหลังตั้งอยู่แยกออกจากกันเป็นอิสระ ยอดของจันทิบริวารเหล่านี้ประกอบด้วยอาคารจำลองยอดสถูปิกะ ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวยกเก็จเพื่อรองรับสถูปยอดที่มีสถูปิกะบริวารประดับอยู่สี่หรือแปดทิศ อนึ่ง ความซับซ้อนเช่นนี้ถือว่าเป็นลักษณะเฉพาะในศิลปะชวาภาคกลางตอนปลาย