ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 
แสดง 129 ถึง 136 จาก 282 รายการ, 36 หน้า
พระศรีอาริยเมตไตรย
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระศรีอาริยเมตไตรย

พระพุทธรูปทรงเครื่อง ครองจีวรห่มเฉียง ประทับนั่งขัดสมาธิราบ แสดงปางสมาธิ พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง ระหว่างพระขนงและขอบเปลือกพระเนตรเป็นแผ่น พระเนตรค่อนข้างเล็ก เปิดเล็กน้อยและเหลือบต่ำ พระโอษฐ์เล็ก ขมวดพระเกศาเล็ก พระวรกายเพรียวบาง ซึ่งเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยสามารถศึกษาเปรียบเทียบได้กับพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยเดียวกันที่วัดนางนอง

พระพุทธเจ้า 4 พระองค์
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธเจ้า 4 พระองค์

พระพุทธรูปทั้ง 4 องค์ มีรูปแบบเหมือนกัน กล่าวคือ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบ แสดงปางสมาธิ ประทับนั่งเหนือฐานบัวแข้งสิงห์ ส่วนบัวหงายเป็นบัวแวง มีผ้าทิพย์ที่ด้านหน้า พระพักตร์ค่อนข้างกลม พระขนงโก่ง ระหว่างพระขนงและขอบเปลือกพระเนตรเป็นแผ่น พระเนตรค่อนข้างเล็ก เปิดเล็กน้อยและเหลือบต่ำ พระโอษฐ์เล็ก ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลวสูง พระวรกายเพรียวบาง ซึ่งเป็นรูปแบบของพระพุทธรูปในสมัยรัชกาลที่ 3

พระพุทธไตรรัตนนายก
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธไตรรัตนนายก

พระพุทธไตรรัตนนายกมีรูปแบบเฉพาะอย่างพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 กล่าวคือ พระวรกายค่อนข้างเพรียว พระพักตร์ค่อนข้างกลมกึ่งรูปไข่ ขมวดพระเกศาเล็ก พระรัศมีเป็นเปลว พระขนงโก่ง เส้นขอบเปลือกพระเนตรและพระขนงป้ายเป็นแผ่นเช่นเดียวกับพระพุทธรูปอยุธยาตอนปลาย พระเนตรเปิดและมองตรง พระนาสิกค่อนข้างเล็กและโด่ง พระโอษฐ์เล็ก เส้นพระโอษฐ์อ่อนโค้งเล็กน้อยเกือบเป็นเส้นตรง คล้ายเรือประทุน พระพักตร์อย่างหุ่น ประทับนั่งแสดงปางมารวิชัย นิ้วพระหัตถ์เรียวยาวเสมอกัน สังฆาฏิเป็นแผ่นใหญ่พาดอยู่กึ่งกลางพระวรกาย

พระพุทธปัญญาอัคคะ
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธปัญญาอัคคะ

พระพุทธรูปประทับยืนเหนือฐานสิงห์กลีบบัว ที่ฐานมีจารึกพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในการสร้างพระพุทธรูป แสดงปางประทานอภัย 2 พระหัตถ์ หรือปางห้ามสมุทร ปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเท่ากัน ครองจีวรห่มคลุมพระอังสาทั้ง 2 ข้างแหวกกลางพระอุระ อย่างเดียวกับการห่มจีวรอย่างแหวกของภิกษุรามัญนิกาย จีวรเป็นริ้วอย่างธรรมชาติ แลเห็นจีวรที่ห่มทับสบงที่เป็นริ้วชั้นใน รูปแบบของการทำจีวรจึงแสดงถึงแนวคิดอย่างสมจริง พระพักตร์อ่อนเยาว์ดูสงบนิ่งคล้ายใบหน้าบุคคลจริง ใบพระกรรณหดสั้น แต่พุทธลักษณะอื่นๆยังคงไว้ ได้แก่ ขมวดพระเกศาเป็นเม็ดเล็ก รองรับพระรัศมีเปลว เหนือพระเศียรประดับด้วยฉัตรทองฉลุลาย 5 ชั้น

จิตรกรรมเรื่องชาดก 550 ชาติ
กรุงเทพมหานคร
จิตรกรรมจิตรกรรมเรื่องชาดก 550 ชาติ

ผนังรอบพระอุโบสถแบ่งเป็นช่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่าๆกัน เขียนลายกระหนกเป็นกรอบ ภายในช่องเขียนภาพชาดกแตกต่างกัน และมีข้อความกำกับใต้ภาพแต่ละเรื่อง ชาดกแต่ละเรื่องนำเสนอผ่านฉากเหตุการณ์สำคัญในแต่ละตอน ภาพบุคคลสำคัญเช่นพระโพธิสัตว์ เทวดา กษัตริย์ปิดทองที่เครื่องทรง มีกิริยาอย่างนาฏลักษณ์ ภาพอาคารมีที่เป็นรูปแบบอาคารอย่างไทยประเพณี อาคารแบบจีน บ้านเรือนผู้คนที่มีรูปแบบตามสมัยนิยม

พระสัมพุทธพรรณีจำลองและภาพศากยสมาคม
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระสัมพุทธพรรณีจำลองและภาพศากยสมาคม

พระสัมพุทธพรรณีจำลองมีรูปแบบเดียวกับพระสัมพุทธพรรณีที่ประดิษฐานในพระบรมมหาราชวัง กล่าวคือ เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานสิงห์แสดงปางสมาธิโดยปลายนิ้วพระหัตถ์ทั้ง 4 ยาวเสมอกัน พุทธลักษณะโดยทั่วไปคล้ายกับพระพุทธรูปในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่มีพระพักตร์สงบนิ่งคล้ายหุ่น พระเนตรเรียวเล็ก พระขนงโก่ง มีอุณาโลม พระกรรณยาว พระนาสิกแหลม และพระโอษฐ์บาง ครองจีวรห่มเฉียงและเริ่มทำริ้วจีวรอย่างเป็นธรรมชาติที่ฐานของพระสัมพุทธพรรณีมีจารึกข้อความด้วยอักษรมอญ ภาษาบาลี จำนวน 4 บรรทัด ประดับด้วยลวดลายคล้ายผ้าม่านม้วนและพวงมาลาแบบตะวันตก รวมทั้งมีลวดลายสลักเป็นพรรณพฤกษาและซุ้มศัตราวุธที่หน้ากระดานล่างของฐาน ภาพศากยวงศ์หรือกษัตริย์ในราชวงศ์ศากยะ เขียนเป็นภาพบุคคลที่มีขนาดใกล้เคียงกับพระพุทธรูป แสดงลักษณะกล้ามเนื้อทางกายวิภาค แสดงสีหน้าและอารมณ์ และไม่มีการปิดทองที่เครื่องทรง แต่แสดงสถานภาพด้วยอาภรณ์ที่สวมใส่และเครื่องประดับต่างๆ

พระพุทธสิหังคปฏิมากร
กรุงเทพมหานคร
ประติมากรรมพระพุทธสิหังคปฏิมากร

พระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบบนฐานสิงห์ ชั้นบนเป็นรูปกลีบบัวซ้อนชั้น แสดงปางสมาธิ พระพักตร์ค่อนข้างกลม ขมวดพระเกศาเล็ก มีอุษณีษะรองรับเปลวรัศมี ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิยาวเป็นแผ่นจรดพระนาภี

จิตรกรรมเรื่องศรีธนญชัย
กรุงเทพมหานคร
จิตรกรรมจิตรกรรมเรื่องศรีธนญชัย

จิตรกรรมฝาผนังเรื่องศรีธนญชัยอยู่บริเวณผนังระหว่างช่องหน้าต่างของพระวิหารวัดปทุมวนาราม เทคนิคการเขียนภาพและรูปแบบเป็นเช่นเดียวกับจิตรกรรมในสมัยรัชกาลที่ 4 แห่งอื่นๆ กล่าวคือ เริ่มใช้หลักทัศนียวิทยาแสดงระยะและมิติของภาพ คำนึงถึงความสมจริง โดยมีภาพสถาปัตยกรรมตามสมัยนิยมในขณะนั้น อย่างภาพปราสาทราชวังที่จำลองอาคารบางแห่งจากพระบรมมหาราชวัง ภาพวัดซึ่งจำลองภาพวัดปทุมวนาราม ภาพผู้คนแต่งกายอย่างสมจริง เช่น ทหารที่ใส่เครื่องแบบที่ได้รับอิทธิพลตะวันตก ภาพชาวบ้านที่แต่งกายอย่างไทย ลาว ภาพบรรยากาศและทิวทัศน์ต่างๆแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ เช่น ผืนน้ำที่มีเรือใบ และท้องฟ้าที่มีก้อนเมฆ