ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถาปัตยกรรมอาคารทรงเมรุที่ปุระตะมันอะยุง
เทวาลัยแห่งนี้ มีชื่อเสียงในเรื่องการการจัดวางอาคารทรงเมรุให้เรียงกันในแถวเดียว โดยความสูงของยอดเมรุมีลักษณะลดหลั่นกัน ทำให้เกิดภูมิสถาปัตยกรรมที่งดงามยิ่ง อนึ่ง อาคารทรงเมรุเหล่านี้สร้างขั้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าประจำภูเขาในเกาะบาหลีหลายลูก เช่น เขาอากุง เขาบาตูเกา และเขาบาตูร์ เป็นต้น อนึ่ง อาคารทรงเมรุซึ่งมีหลังคาซ้อนชั้น นอกจากจะมีความหมายโดยตรงอันหมายถึงปราสาทหรืออาคารฐานันดรสูงตามคติแบบอินเดียแล้ว ก็ยังมีความหมายโดยนัยจากชื่อที่เรียกที่สามารถเปรียบเทียบได้กับภูเขาพระสุเมรุ การใช้เมรุลดหลั่นกันที่ปุระตะมันอะยุง จึงแสดงสัญลักษณ์ของภูเขาที่มีการลดหลั่นทางความสูงอย่างชัดเจน
สถาปัตยกรรมปุระสะดา
ปุระสะดา เป็นเทวาลัยประจำราชวงศ์เม็งวีหลังดั้งเดิมก่อนที่พ.ศ. 2283 จะมีการสร้างปุระตะมันอะยุงขึ้นเป็นเทวาลัยประจำราชวงศ์ที่ใหม่ ที่น่าสนใจก็คือปุระสะดาแห่งนี้ปรากฏแท่นบัลลังก์เปล่าจำนวนมากไม่ไกลนักจากปราสาทประธาน บัลลังก์เหล่านี้มีผู้ศึกษาแล้วว่าตรงกับจำนวนของบุคคลที่นั่งไปบนเรือในขณะที่นำพระอัฐิไปโปรยในทะเล อันแสดงให้เห็นว่าปุระแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่กษัตริย์ผู้วายชนม์อย่างชัดเจน
สถาปัตยกรรมอาคารทรงเมรุที่ปุระเบซาคิห์
อาคารทรงเมรุ คืออาคารทรงปราสาทในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซ้อนชั้นด้วยหลังคาลาดมุงฟางจำนวนหลายชั้น อันเป็นสัญลักษณ์ของอาคารที่มีฐานันดรสูง เป็นที่ประทับเทพเจ้าสำคัญซึ่งมักตั้งอยู่ ณ ลานด้านในสุดของปุระ หลังคาลาดมุงฟางนี้ย่อมทำให้อาคารทรงเมรุได้รับการซ่อมแซมอยู่อย่างสม่ำเสมอ แตกต่างไปโคปุระที่สร้างด้วยอิฐหรือหินซึ่งเป็นถาวรวัตถุ
สถาปัตยกรรมอาคารทรงเมรุที่ปุระเกเห็น
อาคารทรงเมรุ คืออาคารทรงปราสาทในผังสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซ้อนชั้นด้วยหลังคาลาดมุงฟางจำนวนหลายชั้น อันเป็นสัญลักษณ์ของอาคารที่มีฐานันดรสูง เป็นที่ประทับเทพเจ้าสำคัญซึ่งมักตั้งอยู่ ณ ลานด้านในสุดของปุระ หลังคาลาดมุงฟางนี้ย่อมทำให้อาคารทรงเมรุได้รับการซ่อมแซออยู่อย่างสม่ำเสมอ แตกต่างไปโคปุระที่สร้างด้วยอิฐหรือหินซึ่งเป็นถาวรวัตถุ ที่ปุระเกเห็น อาคารทรงเมรุมีลักษณะพิเศษ คือมีเต่าและนาครองรับ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นศูนย์กลางจักรวาลตามจักรวาลวิทยาแบบฮินดู
สถาปัตยกรรมถ้ำที่กัวคชะ
ที่กัวคชะปรากฏถ้ำที่ขุดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในศิลปะอินโดนีเซีย ด้านหน้าถ้ำสลักเป็นรูปหน้ากาลหน้าตาดุร้ายที่มีตาถลนตามแบบศิลปะชวาภาคตะวันออก-บาหลี หน้ากาลนี้คงมีความหมายในการขับไล่สิ่งชั่วร้าย โดยรอบมีภาพสลักเป็นฉากโขดหินธรรมชาติที่มีสัตว์ป่าอยู่เต็ม ภายในถ้ำดังกล่าวเป็นทางแคบๆในผังรูปตัวที มีแท่นที่นั่งซึ่งคงเป็นที่อยู่ของนักบวชมากกว่า
สถาปัตยกรรมน้ำพุที่กัวคชะ
น้ำพุปรากฏมาแล้วตั้งแต่ศิลปะชวาตะวันออก โดยเริ่มจากความคิดเรื่องน้ำจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งย่อมประทานความอุดมสมบูรณ์และการล้างบาปให้แก่ผู้ศรัทธา สำหรับที่กัวคชะนี้เป็นน้ำพุที่ปรากฏคู่กันสองบ่อ ซึ่งอาจใช้ในการแยกผู้อาบน้ำชาย-หญิง (?) แต่ละบ่อปรากฏรูปเทพีถือหม้อน้ำและมีน้ำพุไหลออกมา ซึ่งทั้งหม้อน้ำและเทพีก็ล้วนแต่หมายถึงความอุดมสมบูรณ์
สถาปัตยกรรมกุหนุงกาวี
จันทิกุหนุงกาวี มีลักษณะเป็นหน้าผาริมแม่น้ำ โดยมีการสลักจันทิติดผนังจำนวน 9 หลัง ถือเป็นตัวอย่างจันทิสลักหินติดกับเพิงผาธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเกาะบาหลี นอกจากนี้ยังถือเป็นตัวอย่างจันทิในศิลปะชวาภาคตะวันออกที่ปรากฏในเกาะบาหลีอีกด้วย เนื่องจากชั้นหลังคาประดับไปด้วยสถูปิกะ/อาคารจำลองซึ่งไม่ปรากฏแล้วในศิลปะบาหลี อนึ่ง ที่ตั้งของกลุ่มจันทิดังกล่าว ย่อมทำให้แม่น้ำที่ไหลผ่านศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
ประติมากรรมพระโพธิสัตว์อากาศครรภ์
จันทิเมนดุตสร้างขึ้นในศิลปะชวาภาคกลางตอนกลาง โดยราชวงศ์ไศเลนทร์ในพุทธศตวรรษที่ 14 สร้างขึ้นในพุทธศาสนามหายาน โดยสร้างขึ้นในระยะเดียวกันกับบุโรพุทโธที่ตั้งของจันทิเมนดุตก็ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับจันทิปะวนและบุโรพุทโธ