ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถาปัตยกรรมจันทิติกุส
เมืองโตรวูลัน เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์มัชฌปาหิต สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 20 มีโบราณสถานสำคัญหลายแห่ง เช่น จันทิติกุสซึ่งเป็นสระน้ำ หรือซุ้มประตูเทวาลัยต่างๆ โบราณสถานในเมืองนี้มักสร้างด้วยอิฐอันแตกต่างไปจากโบราณสถานสมัยชวาภาคตะวันออกแห่งอื่นๆที่มักสร้างด้วยหิน
สถาปัตยกรรมกุหนุงกาวี
จันทิกุหนุงกาวี มีลักษณะเป็นหน้าผาริมแม่น้ำ โดยมีการสลักจันทิติดผนังจำนวน 9 หลัง ถือเป็นตัวอย่างจันทิสลักหินติดกับเพิงผาธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเกาะบาหลี นอกจากนี้ยังถือเป็นตัวอย่างจันทิในศิลปะชวาภาคตะวันออกที่ปรากฏในเกาะบาหลีอีกด้วย เนื่องจากชั้นหลังคาประดับไปด้วยสถูปิกะ/อาคารจำลองซึ่งไม่ปรากฏแล้วในศิลปะบาหลี อนึ่ง ที่ตั้งของกลุ่มจันทิดังกล่าว ย่อมทำให้แม่น้ำที่ไหลผ่านศักดิ์สิทธิ์ไปด้วย
สถาปัตยกรรมมัสยิดมลายู
อาคารมัสยิดมลายู มีลักษณะตามแบบเอเชียอาคเนย์ที่ไม่นิยมสร้างโดมแต่สร้างเป็นหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้อง เป็นหลังคาลาดเพื่อให้เหมาะกับสภาพภูมิอากาศที่มีฝนตกชุกตลอดปี อย่างไรก็ตาม แผงด้านหน้าของอาคารกลับใช้อาร์คแบบมัวร์ของสเปนเข้ามาผสมผสาน โดยเป็นอาร์คแบบวงโค้งเกือกม้าซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลแบบสเปนที่เข้ามาพร้อมกับสถาปนิกชาวอังกฤษในสมัยอาณานิคม
สถาปัตยกรรมมัสยิดอุบุดิยะห์
กล่าวกันว่า มัสยิดอุบุดิยะห์ เป็นหนึ่งในมัสยิดที่งดงามที่สุดในมาเลเซีย มีแผนผังแปดเหลี่ยมแบบรวมศูนย์ (Centralize plan) อันครอบด้วยโดมขนาดใหญ่ และมีหอคอยแบบอินเดียทั้งสี่ด้าน นอกจากนี้ยังปรากฏเท้าแขน (Buttress) ขนาดใหญ่ที่มุมทั้งแปดของอาคารผังแปดเหลี่ยม
สถาปัตยกรรมอิสตานา เปนาหงัน
พระราชวังดังกล่าว แม้ว่าจะสร้างขึ้นตามอิทธิพลตะวันตก แต่การใช้ “ฝาขัดแตะ” มาเป็นผนังโดยปราศจากการใช้ตะปูแม้แต่เพียงตัวเดียว ถือเป็นความสำเร็จที่น่าอัศจรรย์ของสถาปนิกชาวมาเลย์ ฝาขัดแตะยังทำให้เกิดสีสันของผนังอาคารที่แตกต่างไปจากอาคารที่ก่อผนังด้วยวัสดุถาวรอีกด้วย ฝาขัดแตะรวมถึงหน้าต่างและบานเฟี้ยมจำนวนมาก ย่อมทำให้อาคารระบายอากาศได้ดี รับกับสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นของมาเลเซีย
สถาปัตยกรรมพิพิธภัณฑ์รัฐเปรัค
อาคารพิพิธภณฑ์รัฐเปรัค มมีการออกแบบที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีการหยิบยืมเอา façade ด้านหน้าโบสถ์ในศาสนาคริสต์ มาใช้เป็นอาคารมุมของพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดวางอยู่ในแผนผังแบบ Palladium ลักษณะของfacade แบบโบสถ์คริสต์ คือเป็นแผงหน้าบันซึ่งขนาบข้างไปด้วยหอคอยสองหอ การออกแบอาคารหลังนี้จึงแสดงความก้าวหน้าของสถาปนิกที่ไม่ยึดติดการจำกัดกั้นระหว่างอาคารทางศาสนากับอาคารทางราชการ
สถาปัตยกรรมมัสยิดจาเม็ก
เป็นมัสยิดทีผสมผสานกันระหว่างอิทธิพลศิลปะโมกุลแบบอินเดียและศิลปะมัวร์แบบสเปน โดยที่แผนผังของอาคาร การใช้โดมสามโดมเรียงกันและรูปแบบของหอคอยซึ่งวางฉัตรีด้านบนสุดนั้นเป็นลักษณะสถาปัตยกรรมแบบอินเดีย อย่างไรก็ตาม ยังมีการใช้วัสดุสลับสีและอาร์ควงโค้งหลายวงต่อเนื่องกันซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของศิลปะมัวร์ด้วย
สถาปัตยกรรมอาคารอับดุลซามัด
ลักษณะที่โดดเด่นที่สุดสำหรับอาคารหลังนี้ก็คือการประกอบหอนาฬิกาซึ่งมีโดมอยู่ด้านบน โดมนี้หุ้มด้วยทองแดงทำให้ดูโดดเด่น หอคอยนี้ดูคล้ายกับหอนาฬิกาที่กรุงลอนดอนในขณะที่องค์ประกอบของอาคารในส่วนอื่นๆแล้วแต่ได้รับอิทธิพลมาจกศิลปะมัวร์ของสเปนผสมผสานกับแบบโกธิค เช่น อาร์ควงโค้งเกือกม้าแบบสเปนที่ชั้นล่างและอาร์คที่มีเสาคั่นกลางแบบโกธิคที่ชั้นบนของอาคาร เป็นต้น