ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สถาปัตยกรรมพระธาตุดอยสุเทพ
พระธาตุดอยสุเทพเป็นเจดีย์ก้ออิฐถือปูนหุ้มด้วยทองจังโก องค์ประกอบสำคัญจากด้านล่างสู่ด้านบน ได้แก่ ฐานบัวในผังเพิ่มมุมที่ออกแบบจนแลดูคล้ายกับฐานบัวซ้อนกัน 2 ชั้น ถัดขึ้นไปถัดขึ้นไปเป็นชุดบัวถลาในผังสิบสองเหลี่ยมซ้อนลดหลั่นกันรับองค์ระฆัง องค์ระฆังอยู่ในผงสิบสองเหลี่ยมเช่นกัน ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์ แกนปล้องไฉน ปล้องไฉน ปลี และฉัตร
สถาปัตยกรรมวิหารมหาโพธิ์
วิหารมหาโพธิ์หรือวิหารเจ็ดยอดก่อด้วยศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก ฉาบปูนและตกแต่งด้วยปูนปั้นวิหารอยู่ในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าผนังวิหารประดับด้วยงานปูนปั้นรูปเทพชุนนุม มีทั้งอิริยาบถนั่งและยืน อีกทั้งยังมีลวดลายประดับอื่นๆ อาทิ ลายดอกไม้ร่วง วิหารหลังนี้มีประตูทางเข้าสู่ห้องคูหาภายในจากด้านตะวันออก จึงถือได้ว่าวิหารหันหน้าไปทางด้านนี้ปัจจุบันภายในประดิษฐานพระพุทธรูป มีบันไดทางขึ้นสู่ชั้นหลังคา ด้านบนหลังคามียอดศิขรประธานขนาดใหญ่หนึ่งยอด ที่มุมทั้งสี่ของยอดศิขรใหญ่มียอดศิขรขนาดเล็ก 4 ยอด ถัดมาเบื้องหน้ามีเจดีย์ทรงกลม 2 องค์ จึงเป็นที่มีของการเรียกวิหารหลังนี้อีกชื่อหนึ่งว่า วิหารเจ็ดยอด
สถาปัตยกรรมเจดีย์กู่เต้า
เจดีย์กู่เต้าสร้างด้วยอิฐ ฉาบปูน และตกแต่งด้วยกระเบื้องเคลือบเป็นบางส่วนถือเป็นเจดีย์รูปทรงพิเศษซึ่งน่าจะพัฒนามาจากเจดีย์ทรงปราสาทซ้อนชั้น เช่น เจดีย์กู่กุด จังหวัดลำพูน เจดีย์กู่คำ จังหวัดเชียงใหม่ เจดีย์วัดตะโปทาราม จังหวัดเชียงใหม่รูปแบบสำคัญตั้งแต่ส่วนฐานจนถึงส่วนยอดประกอบด้วยส่วนสำคัญดังนี้ ฐานบัวลูกแก้วอกไก่ในผังเพิ่มมุมที่ออกแบบคล้ายเป็นฐานบัวซ้อนกัน 2 ชั้นถัดขึ้นไปเป็นทรงกลมซ้อนลดหลั่นกัน 5 ชั้น ชั้นล่างใหญ่ที่สุดจากนั้นค่อยๆ ลำดับเล็กลง แต่ละชั้นมีซุ้มจระนำประดับอยู่ที่ทิศทั้งสี่ เฉพาะชั้นที่ 2-5 ยังเห็นการประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ถัดขึ้นไปจากทรงกลมซ้อนลดหลั่นเป็นยอดแหลม
สถาปัตยกรรมเจดีย์วัดอุโมงค์เถรจันทร์
เจดีย์วัดอุโมงค์เถรจันทร์เป็นเจดีย์ทรงกลม ก่อด้วยอิฐ ฉาบปูน ตกแต่งด้วยปูนปั้น รูปแบบสำคัญลำดับจากส่วนล่างไปส่วนบนมีดังนี้ ฐานกลมที่ประดับด้วยปูนปั้นรูปกลีบบัว ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวลูกแก้ว 3 ชั้นซ้อนลดหลั่นกัน ท้องไม้ของแต่ละชั้นตกแต่งด้วยปูนปั้นเป็นช่องสี่เหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นองค์ระฆังกลม มีเส้นรัดอกตกแต่งองค์ระฆัง ถัดขึ้นไปเป็นบัลลังก์สี่เหลี่ยม แกนปล้องไฉนซึ่งตกแต่งด้วยปูนปั้นรูปเทวดา ถัดขึ้นไปเป็นปล้องไฉน ปลี และฉัตร
สถาปัตยกรรมอุโมงค์
ช่องอุโมงค์ก่อด้วยอิฐ เพดานมีลักษณะเป็นวงโค้ง น่าจะสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเจดีย์ ภายในอุโมงค์แยกเป็นช่องทางเดินและช่องคูหาที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเป็นห้องปฏิบัติสมาธิ ภายในอุโมงค์มีภาพจิตรกรรมฝาผนังลักษณะภาพประกอบด้วยพระพุทธรูปประทับนั่งเรียงแถวและซ้อนกันหลายแถว สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภาพพระอดีตพุทธเจ้า มีภาพพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีประภามณฑล พระพักตร์กลม ขมวดพระเกศาใหญ่ พระรัศมีเป็นดอกบัวตูม ครองจีวรห่มเฉียง ชายสังฆาฏิยาวจรดพระนาภีซึ่งแสดงถึงอิทธิพลศิลปะสุโขทัย ปัจจุบันอยู่ในสภาพที่ชำรุดมาก
สถาปัตยกรรมวิหารพระสิงห์
วิหารพระสิงห์มีรูปแบบอาคารเช่นเดียวกับวิหารล้านนารุ่นเก่า มีหลังคาซ้อน 3 ชั้นที่ด้านหน้า และ 2ชั้น ที่ด้านหลัง โดยมีตับหลังคาด้านข้าง 2 ตับ โครงสร้างหลังคาเป็นการเข้าเครื่องไม้เพื่อรับน้ำหนักเรียกว่า ม้าต่างไหม โครงสร้างหลังคาประกอบด้วยหน้าจั่ว ป้านลมหรือตัวรวย ซึ่งมีการประดับช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์ ส่วนหน้าบันประกอบด้วยรวงผึ้งหรือโก่งคิ้วมีลักษณะเป็นแผงไม้ประดับที่ด้านหน้าระหว่างเสา ตัวอาคารก่ออิฐถือปูนในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าเพิ่มมุม มีทางเข้าด้านหน้าเป็นทางเข้าหลัก และมีทางเข้าเล็กๆที่ด้านซ้ายและขวาของอาคาร ที่ทางเข้าหลักประดับราวบันไดด้วยปูนปั้นรูปนาคและตัวมอมซึ่งเป็นสัตว์ผสมในจินตนาการ ทำหน้าที่ดูแลศาสนสถาน
จิตรกรรมวิหารพระสิงห์
ภายในวิหารลายคำมีงานจิตรกรรมที่น่าสนใจของล้านนา แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่จิตรกรรมลายคำซึ่งอยู่เบื้องหลังพระประธาน จิตรกรรมสีฝุ่นเรื่องสุวรรณหงส์ที่ผนังด้านทิศใต้และจิตรกรรมสีฝุ่นเรื่องสังข์ทองที่ผนังด้านทิศเหนือซึ่งทั้ง 2 เรื่องมีที่มาจากปัญญาสชาดกสำหรับลายคำเบื้องหลังพระพุทธสิหิงค์ซึ่งเป็นพระประธานนั้นเป็นภาพเขียนด้วยทองคำเปลวบนพื้นสีแดง เขียนเป็นภาพกู่หรือปราสาทซึ่งเป็นอาคารหลังคาลาดซ้อนชั้นอันเอกลักษณ์ของศิลปะล้านนาที่นิยมใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ต่างจากภาคกลางที่ประดิษฐานพระพุทธรูปบนฐานชุกชี ลวดลายประดับอื่นๆ ยังแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะล้านนากับศิลปะจีน ได้แก่ ลายเมฆ ลายมุกไฟ และลายมังกร โดยบางแห่งใช้เทคนิคการปิดทองบนกระดาษปรุลาย
ประติมากรรมเทวดาปูนปั้น
การสร้างประติมากรรมรูปเทวดาที่รอบผนังวิหารใช้เทคนิคการก่อแนวอิฐหรือศิลาแลงขนาดไม่ใหญ่นักให้ยื่นล้ำออกมาจากผนังแล้วพอกปูนเพื่อให้ยึดเกาะกับผนัง จึงเกิดเป็นประติมากรรมนูนสูง รูปเทวดาประทับนั่งอยู่บริเวณผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้ ส่วนเทวดาประทับยืนอยู่บริเวณผนังเพิ่มมุม ประติมากรรมทั้งหมดแบ่งเป็น 2 แถวตามแนวยาวของอาคาร โดยมีเสาปูนปั้นแบ่งคั่นจังหวะ เทวดาแต่ละองค์มีพระพักตร์รูปไข่ แย้มพระโอษฐ์ พระอังสาใหญ่ บั้นพระองค์เล็ก สวมเครื่องประดับ ได้แก่ กรัณฑมงกุฎซึ่งมีประภามณฑลล้อมรอบ พาหุรัด กรองศอ ธำมรงค์ อุทรพันธะ นุ่งผ้ายาวกรอมข้อเท้าชักชายผ้าแผ่ออกมาที่ด้านหน้า และมีชายผ้าพลิ้วไหวผูกเป็นโบว์ที่ข้างลำตัวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเทวดาเหล่านั้นกำลังเหาะท่ามกลางอากาศ รูปแบบการแต่งกายสัมพันธ์กับประติมากรรมรูปเทวดาในศิลปะลังกา ใกล้กันมีลวดลายปูนปั้นประดับ เช่น ลายมุกไฟ ลายดอกไม้ร่วง เช่น ดอกจำปา และดอกโบตั๋น