ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 

พระธาตุเชิงชุม

คำสำคัญ : พระธาตุ, เจดีย์ทรงบัวเหลี่ยม, พระธาตุเชิงชุม

ชื่อเรียกอื่น-
ชื่อหลักวัดพระธาตุเชิงชุม วรวิหาร
ชื่ออื่น-
ประเภทงานศิลปะสถาปัตยกรรม
ตำบลธาตุเชิงชุม
อำเภอเมือง
จังหวัดสกลนคร
ภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประเทศไทย
พิกัดภูมิศาสตร์
ค่าองศาทศนิยม
Lat : 17.16445
Long : 104.15298
พิกัดภูมิศาสตร์
พิกัดกริด
Zone : 47 Q
Hemisphere : N
E : 409916.78
N : 1897944
ตำแหน่งงานศิลปะกลางเขตพุทธาวาส

ประวัติการสร้าง

ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่ชัด แต่จากรูปแบบทางศิลปกรรมทำให้ทราบได้ว่าเดิมทีสถานที่แห่งนี้เคยเป็นปราสาทศิลาแลงในวัฒนธรรมเขมรมาก่อน กำหนดอายุจากจารึกที่พบบนกรอบประตูด้านตะวันออกได้ราวพุทธศตวรรษที่ 17 อย่างไรก็ตามการสร้างปราสาทด้วยศิลาแลงทำให้นึกถึงศาสนสถานเขมรในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18

ต่อมาเมื่อเข้าสู่สมัยล้านช้าง ราวพุทธศตวรรษที่ 22 ได้บูรณปฏิสังขรณ์ปราสาทแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ โดยสร้างพระธาตุแบบล้านช้างครอบทับปราสาทเขมร
ประวัติการอนุรักษ์

ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 52 ฉบับที่ 75 วันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2478

ลักษณะทางศิลปกรรม

พระธาตุเชิงชุมเป็นพระธาตุทรงบัวเหลี่ยม ก่ออิฐถือปูนครอบทับปราสาทเขมรที่ก่อจากศิลาแลง

พระธาตุเชิงชุมมีแผนผังสี่เหลี่ยม เรือนธาตุมีรูปแบบเป็นชุดฐานเขียงซ้อนลดหลั่นกัน ด้านทั้งสี่มีซุ้มประตูทรงปราสาท ซุ้มด้านตะวันออกเป็นทางเข้าสู่ห้องคูหาที่ตั้งอยู่ภายใน โดยห้องดังกล่าวนี้ก็คือครรภคฤหะเดิมของปราสาทเขมรนั่นเอง ในขณะที่ซุ้มประตูด้านใต้ ตะวันตก และเหนือ แม้ว่าจะผลักบานประตูได้แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปภายในได้ เพราะเมื่อผลักเข้าไปจะพบกับผนังประตูหลอกของปราสาทศิลาแลง

ถัดขึ้นไปจากเรือนธาตุเป็นองค์ประกอบคล้ายองค์ระฆังแต่อยู่ในผังสี่เหลี่ยม ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวลูกแก้วอกไก่ซึ่งอาจเทียบได้กับบัลลังก์ ถัดขึ้นไปเป็นส่วนยอดที่ประกอบจากบัวเหลี่ยมซ้อนกัน
ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ

พระธาตุเชิงชุมสร้างขึ้นในสมัยล้านช้างครอบทับปราสาทเขมรที่มีมาก่อน เป็นหนึ่งในหลักฐานของการซ่อมแปลง ศาสนสถานเขมรให้กลายเป็นพระธาตุ ซึ่งเป็นประเพณีที่พบได้แพร่หลายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ยังเป็นศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์สองฝั่งโขงเพราะเชื่อกันตามตำนานอุรังคธาตุว่าเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าสี่พระองค์เสด็จมาประทับรอยพระพุทธบาทไว้

จารึกวัดพระธาตุเชิงชุมที่พบบนกรอบประตูทิศตะวันออก เขียนเป็นอักษรขอมโบราณ ภาษาเขมร อายุราวพุทธศตวรรษที่ 17 เนื้อหาเกี่ยวกับการแบ่งที่ดินที่ชระเลง โดยที่ดินในหลักเขตมอบให้ขึ้นอยู่กับโลญผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านชระเลง ส่วนที่ดินนอกหลักเขตให้ขึ้นอยู่กับโลญผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านพะนุรพิเนา
ยุคประวัติศาสตร์
สมัย/รูปแบบศิลปะล้านช้าง
อายุพุทธศตวรรษที่ 22
ศาสนาพุทธ
ลัทธิ/นิกายเถรวาท
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้องพุทธศาสนาเถรวาท
ตำนานที่เกี่ยวข้อง

เรื่องราวของพระธาตุเชิงชุมในทางตำนานปรากฏอยู่ในตำนานอุรังคธาตุ อันเป็นตำนานที่เล่าว่าย้อนกลับไปถึงสมัยพุทธกาลว่าพระพุทธองค์เคยเสด็จมายังดินแดนสองฝั่งโขง วัตถุประสงค์หลักของตำนานก็เพื่อเล่าประวัติการสร้างพระธาตุพนม แต่ขณะเดียวกันก็กล่าวถึงตำนานของบ้านเมืองและสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ริมสองฝั่งโขง ซึ่งรวมถึงพระธาตุเชิงชุมด้วย

ในส่วนของพระธาตุเชิงชุมนั้นตำนานอุรังคธาตุได้เล่าไว้ว่า พระพุทธองค์เสด็จมายังหนองหารหลวง เจ้าเมืองในครั้งนั้นคือพระยาสุวรรณภิงคาร พระพุทธองค์ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ที่เมืองแห่งนี้เหนือสถานที่ที่พระอดีตพุทธเจ้า 3 พระองค์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ และพระกัสสปะ ได้ประทับรอยพระพุทธบาทไว้ก่อน จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกพระธาตุเชิงชุม ซึ่งหมายถึงที่ประชุมพระพุทธบาท

พระยาสุวรรณภิงคารเกิดความเลื่อมใสศรัทธาอย่างยิ่ง จึงได้ถอดพระมงกุฎทองคำของพระองค์บูชารอยพระพุทธบาท แล้วทรงสร้างอุโมงค์ (อาคาร) ครอบไว้

รูปแบบลิขสิทธิ์Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
เจ้าของสิทธิ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
วันที่จัดทำข้อมูล2015-09-09
ผู้จัดทำข้อมูลดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง
บรรณานุกรม

ประภัสสร์ ชูวิเชียร. ศิลปะลาว. กรุงเทพฯ : มติชน, 2558.

ธรรมราชานุวัตร, พระ. และ โสภณเจติยาภิบาล, พระ. อุรังคนิทาน ตำนานพระธาตุพนม (พิสดาร). พิมพ์ครั้งที่ 11, กรุงเทพฯ : จูน พับลิชชิง, 2551.

ศักดิ์ชัย สายสิงห์. เจดีย์ พระพุทธรูป ฮูปแต้ม สิม ศิลปะลาวและอีสาน. กรุงเทพฯ : มิวเซียมเพรส, 2555.

สิริกุล จุมพล และคนอื่นๆ. แหล่งท่องเที่ยวอีสานบน. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2534.