ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 

ดอนขุมเงิน

คำสำคัญ : ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ดอนขุมเงิน

ชื่อเรียกอื่น-
ชื่อหลักดอนขุมเงิน
ชื่ออื่น-
ประเภทงานศิลปะสถาปัตยกรรม
ตำบลเด่นราษฎร์
อำเภอหนองฮี
จังหวัดร้อยเอ็ด
ภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประเทศไทย
พิกัดภูมิศาสตร์
ค่าองศาทศนิยม
Lat : 15.555815
Long : 103.940716
พิกัดภูมิศาสตร์
พิกัดกริด
Zone : 48 P
Hemisphere : N
E : 386413.05
N : 1720084.74
ตำแหน่งงานศิลปะแกนกลางศาสนสถาน

ประวัติการสร้าง

ได้ค้นพบแท่นฐานประดิษฐานโคที่มีจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150-1159) ในศาสนสถานแห่งนี้ โดยข้อความจารึกเป็นภาษาสันสกฤต อักษรปัลลวะ แปลโดยสุรสิทธิ์ ไทยรัตน์ ได้ความว่า

พระราชาผู้ทรงพระนามว่า จิตรเสน ผู้เป็นพระนัดดาของพระศรีสารวเภามะ เป็นพระโอรสของพระศรีวีรวรมัน โดยแท้จริงแล้วแม้ว่าทรงพระอนุชาตามศักดิ์ แต่ทรงได้เป็นพระภราดาของพระศรีภววรมัน ได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้ว ต่อจากนั้นมาจึงทรงได้รับการขนานพระนามใหม่ว่า พระเจ้าศรีมเหนทรวรมัน

พระองค์ได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระศิวะผู้ทรงพระนามว่า พระพฤษธวัช ได้สร้างรูปพระโค (สร้างรูปพระพฤษภแทนองค์พระศิวะ) ที่ตกแต่งด้วยศิลาอย่างดี ขณะที่ทรงสำเร็จความสมประสงค์ที่พระองค์ทรงมีชัยชนะอยู่เหนือราชอาณาจักรทั้งปวง

พระองค์ทรงมีพระปัญญาปราดเปรื่องที่สมบูรณ์ด้วย (ความยิ่งใหญ่ในการปราบข้าศึกศัตรู) ทรงมีพระดำรัสถึงเรื่องโบราณราชประเพณีที่ถ่ายทอดสืบต่อกันมา ทรงใฝ่พระทัยอยู่ทุกขณะที่จะปราบปรามศัตรูให้อยู่ในอำนาจ ด้วยการระมัดระวังกองทัพมิให้ประมาท บำรุงรักษากำลังกองทัพด้วยดี และจัดระเบียบกองทัพให้เข้มแข็ง

จากข้อความดังกล่าวที่เอ่ยถึงพระเจ้ามเหนทรวรมันว่าสร้างรูปโคประดิษฐานไว้บนแท่นฐานที่พบจารึก ทำให้นักวิชาการเชื่อว่าศาสนสถานแห่งนี้ควรสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์ด้วย
ประวัติการอนุรักษ์

ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 114 ตอนที่พิเศษ 80 ง วันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 และได้ดำเนินการทางโบราณคดีที่นี่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 – เดือนมกราคม พ.ศ. 2549

ลักษณะทางศิลปกรรม

จากสภาพปัจจุบันซึ่งพังทลายและถูกรื้อทำลายอย่างมาก ทำให้เห็นว่าศาสนสถานแห่งนี้มีหลายอย่างที่ผิดแปลกไปจากปราสาทในวัฒนธรรมเขมรอื่นๆ ทั่วไป เช่น หินทรายที่นำมาใช้ก่อสร้างมิได้มีความหนาเฉกเช่นหินทรายตามปราสาทหินทั่วไป หินทรายบางจุดนำมาก่อในลักษณะของแนวคันเขื่อนมากกว่านำมาเรียงก่อเป็นตัวสถาปัตยกรรมแบบปราสาทหิน

แผนผังของศาสนสถานหลังนี้ประกอบด้วยอาคารประธานหินทราย สภาพพังทลายและถูกรื้อทำลายจนเหลือแต่ฐาน สันนิษฐานรูปแบบดั้งเดิมได้ยาก ด้านหน้าหรือด้านตะวันออกของอาคารประธานมีบ่อน้ำสี่เหลี่ยมที่กรุผนังบ่อด้วยหินทราย มีขั้นบันไดลงสู่บ่อด้วย ถัดออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ใช้หินทรายก่อเป็นแนวคันเขื่อน ภายในค้นพบฐานประดิษฐานโคที่มีจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน พื้นที่โดยรอบยังเห็นหินทรายที่ก่อเป็นแนวกำแพงเป็นระยะๆ นอกจากนี้ยังค้นพบแนวท่อโสมสูตรอยู่ทางทิศตะวันตกด้วย เข้าใจว่าเป็นแนวที่ทอดยาวมาจากห้องครรภคฤหะหรือสระน้ำ
ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ

ศาสนสถานแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ค้นพบฐานรูปเคารพที่มีจารึกของพระเจ้ามเหนทรวรมัน (ราว พ.ศ. 1150-1159) กษัตริย์กัมพูชายุคแรกเริ่ม เชื่อกันว่าศาสนสถานหลังนี้น่าจะสร้างขึ้นในสมัยของพระองค์ หากเป็นจริงย่อมหมายความว่าเป็นศาสนสถานในวัฒนธรรมเขมรที่เก่าแก่ที่สุดในดินแดนไทย และเป็นตัวแทนสำหรับศึกษาศิลปะเขมรในประเทศไทยยุคแรกเริ่ม ก่อนที่จะพัฒนาเข้าสู่ศิลปะเขมรสมัยก่อนเมืองพระนครแบบสมโบร์ไพรกุก

.........

หินทรายจำนวน 4 ก้อนที่ใช้กรุผนังบ่อน้ำมีจารึกเป็นตัวอักษรตัวเดียวปรากฏอยู่ ก่องแก้ว วีระประจักษ์ ได้อ่านและแปลจารึกบนก้อนหินทรายนี้ ได้แสดงความเห็นว่าเป็นอักษรปัลลวะ อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 เหมือนกันกับจารึกบนฐานประดิษฐานโคที่สร้างโดยพระเจ้ามเหนทรวรมัน

หินทรายก้อนแรกอยู่ทางผนังด้านเหนือใกล้ก้นบ่อมีจารึกรูปอักษร “ล” ก้อนที่สองอยู่ทางผนังด้านใต้ใกล้ก้นบ่อมีจารึกรูปอักษร “ช” ก้อนที่สามอยู่ทางผนังด้านตะวันตกใกล้ปากบ่อมีจารึกรูปอักษร “ป” ก้อนสุดท้ายหลุดออกมาจากตำแหน่งเดิมแต่สันนิษฐานว่าเคยอยู่ที่ผนังด้านตะวันออกใกล้ปากบ่อ มีจารึกรูปอักษร “ย”

รูปอักษรเหล่านี้เป็นพระนามของเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์แต่ละองค์ “ล” คือพระศิวะ “ช” คือพระวิษณุ “ป” คือนางปารพตี และ “ย” คือพระลักษมี

จารึกรูปอักษรเหล่านี้จึงทำขึ้นเนื่องในพิธีกรรมความเชื่อในศาสนาพราหมณ์ โดยอาจเกี่ยวข้องกับการเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นได้

ข้อสังเกตอื่นๆ

ศาสนสถานหลังนี้มีลักษณะหลายประการที่แตกต่างไปจากศาสนสถานเขมร เช่น แผนผังที่ให้ความสำคัญกับบ่อน้ำโดยตั้งอยู่หน้าปราสาทประธาน ขนาดของหินทรายที่ไม่หนามากนักเมื่อเทียบกับความกว้างและยาว และวิธีการก่อเรียงที่ใช้สันหรือด้านหน้าปักลงดิน แลดูคล้ายคันเขื่อน เหล่านี้แตกต่างไปจากศาสนสถานในวัฒนธรรมเขมรทั่วไป อาจเพราะเป็นศาสนสถานที่รุ่นแรกเริ่มที่ระบบระเบียบตามแบบแผนของปราสาทเขมรยังไม่ลงตัว

ยุคประวัติศาสตร์
สมัย/รูปแบบศิลปะลพบุรี, เขมรในประเทศไทย
อายุพุทธศตวรรษที่ 12 รัชกาลพระเจ้ามเหนทรวรมัน
ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้องพราหมณ์

รูปแบบลิขสิทธิ์Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
เจ้าของสิทธิ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
วันที่จัดทำข้อมูล2015-08-16
ผู้จัดทำข้อมูลดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง
บรรณานุกรม

ก่องแก้ว วีระประจักษ์, “จารึกที่บ่อน้ำบริเวณแหล่งโบราณคดีดอนขุมเงิน” ศิลปากร, ปีที่ 51, ฉบับที่ 2 2 (มีนาคม – เมษายน 2550), หน้า 27 – 35.

ทศพร ศรีสมาน, “จารึกพระเจ้าจิตรเสน บนฐานรูปเคารพหินทรายที่พบจากแหล่งโบราณคดีดอนขุมเงิน” ศิลปากร, ปีที่ 50, ฉบับที่ 2 (มีนาคม – เมษายน 2550), หน้า 45-48.