ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ประติมากรรมพระกรรติเกยะประทับบนนกยูง
พระกรรติเกยะ ทรงเป็นโอรสของพระศิวะ ด้วยเหตุนี้จึงแสดงความเป็น “พระกุมาร” หรือเป็นเด็กเสมอ นอกจากนี้ยังทรงนกยูงเป็นพาหนะและถือวัชระอันเป็นอาวุธของพระอินทร์มาก่อน
ประติมากรรมพระศิวะ
ประติมากรรมบุคลสมัยบิญดิ่น เริ่มมีการจัดระเบียบมากขึ้นกว่าสมัยก่อนหน้า คือ ตาบทุกตาบของพระเศียรขึ้นไปอยู่เหนือกระบังหน้าทั้งหมด ลักษณะสำคัญของประติมากรรมสมัยบิญดิ่นและสมัยหลัง คือประทับนั่งพิงแผ่นหลัง โดยพระหัตถ์จำนวนมากติดไปกับแผ่นหลัง ส่วนผ้านั่งเองกักชักชายผ้าวงโค้งหรือชายผ้าสามเหลี่ยมตกลงมาด้านหน้า
ประติมากรรมศิวนาฏราชบนหน้าบันของปราสาทโพกลวงการาย
แม้ว่าปราสาทโพกลวงการายจะมีอายุอยู่ในพุทธศตวรรษที่ 19 แต่หน้าบันรูปพระศิวนาฏราชชิ้นนี้กลับมีอายุเก่ากว่าเล็กน้อย คืออยู่ในศิลปะบิ่ญดิ่น แสดงให้เห็นถึงการนำเอาศิลปกรรมเก่ากลับมาใช้ใหม่ รูปแบบของมงกุฎพระศิวะนั้นสามารถเทียบได้กับมงกุฎในศิลปะบิญดิ่นโดยทั่วไป คือประกอบด้วยตาบเล็กๆ ซ้อนขึ้นไปเป็นชั้นๆ ในรูปสามเหลี่ยม ส่วนผ้านุ่งมีการชักชายผ้ารูปสามเหลี่ยมซึ่งเป็นลักษณะประจำของศิลปะบิญดิ่นเช่นกัน
ประติมากรรมมุขลึงค์ประธานในปราสาทโพกลวงการาย
พระเศียรของพระศิวะที่มุขลึงค์ประธานของปราสาทโพกลวงการาย มีลักษณะสำคัญตามแบบศิลปะในสมัยหลังโดยทั่วไป กล่าวคือ พระพักตร์มีเคราตามอิทธิพลจีน/เวียดนาม และสวมมงกุฎเป็นทรงกระบอกซึ่งถือเป็นมงกุฎหนึ่งในสองแบบที่นิยมในศิลปะสมัยหลัง มงกุฎอีกแบบหนึ่งที่นิยมในระยะนี้ก็คือแบบกระบังหน้า
ประติมากรรมประติมากรรมประธานในปราสาทโพโรเม
ประติมากรรมโพโรเม ถือเป็นตัวอย่างของประติมากรรมในสมัยหลังได้ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง มีลักษณะสำคัญคือประทับนั่งเห็นเพียงครึ่งพระองค์ ด้านล่างจมหายไปกับแผ่นหลัง พระหัตถ์จำนวนมากก็เข้าไปติดยึดกับแผนหลังเช่นกัน พระพักตร์มีเคราตามอิทธิพลจีน/เวียดนามส่วนมงกุฎมักเป็นทรงกระบอก
ประติมากรรมประติมากรรมสมัยหลัง
ประติมากรรมชิ้นนี้ถือเป็นตัวอย่างของประติมากรรมในสมัยหลังได้ดีที่สุดชิ้นหนึ่ง มีลักษณะสำคัญคือประทับนั่งเห็นเพียงครึ่งพระองค์ ด้านล่างนั่งขัดสมาธิแบบจมหายไปกับแผ่นหลัง พระพักตร์มีเคราตามอิทธิพลจีน/เวียดนามและสวมมงกุฎแบบกระบังหน้า
ประติมากรรมพระศิวะ
พระศิวะองค์นี้ถือเป็นตัวอย่างสำหรับศึกษาเครื่องแต่งกายในศิลปะชวาภาคกลางได้เป็นอย่างดี พระองค์ทรงอุทรพันธะตามแบบอินเดียใต้ และมีโบหูกระต่ายตามแบบอินเดียใต้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การประดับมงกุฎกลับใกล้เคียงกับศิลปะปาละมากกว่า น่าสังเกตว่าเครื่องแต่งกายในศิลปะชวาภาคกลางนั้นมักเป็นส่วนผสมกันระหว่างศิลปะปาละและอินเดียใต้
ประติมากรรมพระหริหระ
ลักษณะสำคัญของประติมากรรมชวาภาคตะวันออก คือ ที่แผ่นหลังประดับด้วย “ใบบัว”จำนวนมาก ซึ่งถือเป็นลักษณะเฉพาะของสมัยนี้ นอกจากนี้ ประติมากรรมยังถูกตกแต่งด้วยสร้อยเพชรพลอยและอุบะจนเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นที่ตาบ กรรเจียกเพชรพลอย สร้อยยัชโญปวีตไข่มุกที่มีอุบะห้อยจนเต็ม รวมถึงเข็มขัดที่ประดับด้วยไข่มุกและอุบะห้อยจนเต็มที่เช่นกัน