ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พระนารายณ์ราชนิเวศน์
คำสำคัญ : พระนารายณ์ราชนิเวศน์, พระนารายณ์มหาราช
ชื่อหลัก | พระนารายณ์ราชนิเวศน์ |
---|---|
ประเภทงานศิลปะ | สถาปัตยกรรม |
ตำบล | ท่าหิน |
อำเภอ | เมือง |
จังหวัด | ลพบุรี |
ภาค | ภาคกลาง |
ประเทศ | ไทย |
พิกัดภูมิศาสตร์ ค่าองศาทศนิยม | Lat : 14.799766 Long : 100.61001 |
พิกัดภูมิศาสตร์ พิกัดกริด | Zone : 47 P Hemisphere : N E : 673268.12 N : 1636801.47 |
ตำแหน่งงานศิลปะ | เขตพระราชฐาน |
ประวัติการสร้าง | คำให้การชาวกรุงเก่าได้ให้ข้อมูลไว้ว่าเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ขึ้นครองราชย์ได้ 10 ปี จึงโปรดให้สร้างพระราชวัง ณ เมืองลพบุรี ตรงกับ พ.ศ. 2209 สันนิษฐานกันว่าพระองค์โปรดให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้นเพราะกรุงศรีอยุธยาใกล้กับปากน้ำเจ้าพระยาเกินไป หากเกิดข้อพิพาทกับชาติตะวันตกก็อาจทำให้เสียทีได้ง่าย เพราะเมื่อ พ.ศ.2207 ได้เกิดข้อพิพาทกับฮอลันดาจนนำเรือมาปิดปากอ่าว บังคับให้กรุงศรีอยุธยาทำสนธิสัญญาเสียเปรียบทางการค้า พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนารายณ์เกือบทั้งตลอดปี พระองค์สวรรคต ณ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ในพระราชวังแห่งนี้ ก่อนที่พระองค์จะสวรรคตได้เกิดการยึดอำนาจโดยกลุ่มพระเพทราชา พระองค์เกรงว่าภัยจะมาถึงข้าราชบริพารจึงถวายพระราชวังให้เป็นวิสุงคามสีมาแด่สงฆ์ ให้ข้าราชบริพารอุปสมบทภายในพระราชวัง เมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคตพระราชวังแห่งนี้จึงถูกทิ้งร้างลง ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ผาติกรรมคืนโดยซื้อที่ดินถวายแด่สงฆ์เพื่อแลกเปลี่ยนกับที่ดินของพระราชวัง และได้บูรณปฏิสังขรณ์วัดต่างๆ อีก 3 วัด ได้แก่ วัดชุมพลนิกายาราม วัดเสนาสนาราม และวัดกรวิศราราม พระองค์ได้บูรณปฏิสังขรณ์พระราชวังขึ้นใหม่และพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชนิเวศน์ |
---|---|
ประวัติการอนุรักษ์ | ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 53 ตอนที่ 24 วันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2479 พระนารายณ์ราชนิเวศน์ได้รับการบูรณะหลายครั้ง ครั้งสำคัญครั้งหนึ่งดำเนินการเมื่อ พ.ศ. 2552 – 2553 โดยบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด บูรณาไท จำกัด (มหาชน) ในโครงการบูรณะนี้มีขอบเขตในการดำเนินการบูรณะกำแพงพระราชวังด้านทิศตะวันตกด้านนอก และซุ้มประตูหมายเลข 1 และ 2 ต่อมาได้มีการบูรณะอีกครั้งต่อเนื่องโดยบริษัทห้างหุ้นส่วนจำกัด บูรณาไท จำกัด (มหาชน) โดยทำการบูรณะกำแพงต่อจากโครงการก่อนหน้า มีขอบเขตคือกำแพงพระราชวังด้านทิศตะวันตก ด้านใน ทิศใต้ ทิศตะวันออก ทิศเหนือ กำแพงกั้นเขตรวมถึงซุ้มประตูและป้อมประจำทิศ รวมถึงมีการดำเนินงานทางโบราณคดีควบคู่กัน การดำเนินงานทางโบราณคดีเป็นการขุดตรวจเพื่อดำเนินงานบูรณะในส่วนของกำแพงพระราชวังนั้น แบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือ การขุดตรวจฐานกำแพงพระราชวังและซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ฐานป้อมกำแพงทั้ง 6 ป้อม และตรวจรากฐานกำแพงและสิ่งก่อสร้างร่วมจำนวน 6 หลุม |
ลักษณะทางศิลปกรรม | พระนารายณ์ราชนิเวศน์มีพื้นที่ทั้งสิ้นราว 42 ไร่เศษ แผนผังรูปสี่เหลียมผืนผ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออกสู่ตัวเมือง กำแพงก่ออิฐถือปูน ส่วนบนมีใบเสมารายรอบตลอดแนว มีป้อมที่กลางด้านและมุมกำแพง ภายในพระราชวังแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ เขตพระราชฐานชั้นนอก เขตพระราชฐานชั้นกลาง และเขตพระราชฐานชั้นใน เขตพระราชฐานชั้นนอกยังคงปรากฏอาคารต่างๆ จำนวนหนึ่ง เช่น อ่างเก็บน้ำ หมู่ตึกสิบสองท้องพระคลัง ตึกรับรองราชทูต ตึกพระเจ้าเหา โรงช้าง เขตพระราชฐานชั้นกลาง มีอาคารสำคัญคือ พระที่นั่งจันทรพิศาล พระที่นั่งดุสิตสวรรคัญญมหาปราสาท หมู่พระที่นั่งพิมานมงกุฎ สร้างขึ้นสมัยสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทิม เขตพระราชฐานชั้นใน มีอาคารสำคัญคือ พระที่นั่งสุทธาสวรรย์ ตึกพระประเทียบ |
ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ | พระนารายณ์ราชนิเวศน์เป็นพระราชวังที่สมเด็จพระนารายณ์โปรดให้สร้างขึ้น ณ เมืองลพบุรี จึงเป็นสถานที่ที่ใช้ศึกษางานศิลปกรรมในสมัยของพระองค์ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบแผนทางสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการศึกษาค้นคว้าสถาปัตยกรรมในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ทำให้ทราบได้ว่าในระยะเวลานั้นอิทธิพลจากตะวันตกหรือเปอร์เซียได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างยิ่ง |
ยุค | ประวัติศาสตร์ |
สมัย/รูปแบบศิลปะ | อยุธยา |
อายุ | พุทธศตวรรษที่ 23 |
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง | ประเพณีในราชสำนัก |
รูปแบบลิขสิทธิ์ | Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND) |
---|---|
เจ้าของสิทธิ์ | ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
วันที่จัดทำข้อมูล | 2015-07-22 |
ผู้จัดทำข้อมูล | รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง |
บรรณานุกรม | รายงานการดำเนินงานบูรณะ (ระยะที่ 1) พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี. ลพบุรี: สำนักศิลปากรที่ 4 ลพบุรี กรมศิลปากร, 2552. ศิลปากร, กรม. ทะเบียนโบราณสถาน. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2532. ศิลปากร, กรม. พระนารายณ์ราชนิเวศน์. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2531. |