ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 

ปราสาทเมืองสิงห์

คำสำคัญ : ปราสาทหิน, ปราสาทเขมร, ปราสาทเมืองสิงห์, เมืองสิงห์

ชื่อเรียกอื่น-
ชื่อหลักปราสาทเมืองสิงห์
ชื่ออื่น-
ประเภทงานศิลปะสถาปัตยกรรม
ตำบลสิงห์
อำเภอไทรโยค
จังหวัดกาญจนบุรี
ภาคภาคตะวันตก
ประเทศไทย
พิกัดภูมิศาสตร์
ค่าองศาทศนิยม
Lat : 14.036178
Long : 99.243022
พิกัดภูมิศาสตร์
พิกัดกริด
Zone : 47 P
Hemisphere : N
E : 14.036178
N : 1552085.45
ตำแหน่งงานศิลปะกึ่งกลางเมืองสิงห์

ประวัติการสร้าง

ไม่พบประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากการใช้ศิลาแลงเป็นวัสดุหลัก ทำให้เทียบได้กับปราสาทในรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือศิลปะบายนที่พบในประเทศไทย ประกอบกับโบราณวัตถุที่พบจากการขุดค้นขุดแต่ง เช่น พระพุทธรูป พระโพธิสัตว์ ก็สร้างขึ้นเนื่องในคติพุทธศาสนามหายาน และมีสุนทรียภาพตามที่นิยมในสมัยของพระองค์ จึงเชื่อว่าปราสาทเมืองสิงห์สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18

ข้อความจากจารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ว่าโปรดให้ส่งพระชัยพุทธมหานาถไปยังเมืองต่างๆ 23 เมือง ในจำนวนดังกล่าวนั้นมีเมืองที่เชื่อว่าอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันตกของประเทศไทยด้วย โดยเมืองสิงห์เชื่อว่าตรงกับชัยสิงหปุระ
ประวัติการอนุรักษ์

ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานประกาศในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 52 ตอนที่ 75 8 มีนาคม พ.ศ. 2478

กรมศิลปากรได้เริ่มการขุดแต่งโบราณสถานแห่งนี้เริ่มตั้งแต่ปีงบประมาณ 2517 ถึง 2519 การดำเนินงานด้านโบราณคดีมีมาอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งพ.ศ. 2529 ได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่เพื่อเตรียมเปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย
ลักษณะทางศิลปกรรม

ปราสาทเมืองสิงห์ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์แล้ว ศิลาแลงเป็นวัสดุหลักในการก่อสร้าง ฉาบปูนและประดับด้วยปูนปั้นซึ่งปัจจุบันหลุดล่วงไปเกือบหมดแล้ว หันหน้าไปทางทิศตะวันออก

รูปแบบปราสาทมีลักษณะเป็นกลุ่มอาคารตั้งอยู่บนฐานยกพื้นสูง ปราสาทประธานตั้งอยู่กึ่งกลางของฐานยกพื้น ยอดปรักหักพังหมดแล้ว ด้านหน้าปราสาทประธานทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือมีบรรณาลัยตั้งอยู่ ทั้งหมดล้อมรอบด้วยระเบียงคด กลางด้านทั้งสี่ของระเบียงคดเป็นโคปุระที่ทำยอดเป็นทรงปราสาท

ด้านหน้าทางทิศตะวันออกของฐานยกพื้นมีลานศิลาแลง เดิมทีคงเคยมีหลังคาเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องคลุมอยู่ แต่ปัจจุบันได้ปรักหักพังหมดแล้ว ถัดออกไปทางทิศตะวันออกมีร่องรอยของโคปุระ ทางด้านเหนือและใต้ของโคปุระเชื่อมต่อกับแนวกำแพงล้อมรอบศาสนสถาน เบื้องหน้าของโคปุระมีชาลารูปกากบาท
ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ

ปราสาทเมืองสิงห์ตั้งอยู่ในตำแหน่งเกือบกึ่งกลางของเมืองสิงห์ ถือเป็นเมืองในวัฒนธรรมเขมรที่อยู่ทางทิศตะวันตกที่สุดของประเทศไทย และของสายวัฒนธรรมเขมรโบราณ น่าจะสร้างขึ้นในรัชกาลของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เมืองสิงห์และปราสาทเมืองสิงห์น่าจะเกี่ยวข้องกับอำนาจทางการเมืองและทางวัฒนธรรมของพระองค์ เป็นสิ่งยืนยันสายสัมพันธ์ที่มีต่อดินแดนไทยว่ากล้างขวางกว่ากษัตริย์พระองค์อื่น

นักวิชาการหลายท่านยังเชื่อกันว่าเมืองสิงห์น่าจะตรงกับชัยสิงหปุระที่ปรากฏอยู่ในจารึกปราสาทพระขรรค์ ประเทศกัมพูชา ว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 โปรดให้ส่งรูปพระชัยพุทธมหานาถมาประดิษฐาน

ยุคประวัติศาสตร์
สมัย/รูปแบบศิลปะลพบุรี, เขมรในประเทศไทย
อายุพุทธศตวรรษที่ 18 รัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ศาสนาพุทธ
ลัทธิ/นิกายมหายาน
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้องพุทธศาสนามหายาน
ตำนานที่เกี่ยวข้อง

ตำนานท้องถิ่นเล่าถึงประวัติเมืองสิงห์ไว้ดังนี้ พระฤษีตนหนึ่งอาศัยอยู่ที่เขาสูงงิ้วดำ มีลูกศิษย์ 2 คน คนแรกชื่อว่าท้าวอู่ทอง คนที่สองชื่อว่าท้าวเวชสุวรรณโณ ภายในบริเวณอาศรมมีบ่อทอง บ่อเงิน และบ่อน้ำกรด ซึ่งพระฤษีห้ามลูกศิษย์ทั้ง 2 คน ไปเล่นบริเวณดังกล่าว

อยู่มาวันหนึ่งเมื่อฤาษีไม่อยู่ ทั้งสองได้แอบไปเล่นยังบริเวณบ่อทั้งสาม ตกลงกันว่าจะผลัดกันลงไปในบ่อโดยให้อีกคนหนึ่งคอยช่วยฉุดขึ้นมา ท้าวอู่ทองได้ลงไปยังบ่อทองและบ่อเงินก่อนโดยท้าวเวชสุวรรณโณช่วยฉุดขึ้นมาจากบ่อทุกครั้ง เมื่อถึงบ่อน้ำกรดท้าวเวชสุวรรณโณได้ลงไป พลันก็ถูกน้ำกรดกัดกร่อนร่างกาย ส่วนท้าวอู่ทองตกใจรีบหนีไปโดยไม่ช่วยเหลือใดๆ

เมื่อฤษีกลับมาพบเศษร่างท้าวเวชสุวรรณโณในบ่อน้ำกรดจึงชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ ท้าวเวชสุวรรณโณต้องการแก้แค้นท้าวอู่ทอง ตามล่าหาท้าวอู่ทองที่หนีไปยังที่ต่างๆ โดยไม่ลดละ แต่ก้าวหนึ่งก้าวของท้าวอู่ทองไกลเท่านกเขาเหิน ในขณะที่ก้าวหนึ่งก้าวของท้าวเวชสุวรรณโณไกลเท่านกเขาเดิน ท้าวอู่ทองจึงสามารถหนีไปได้ไกล เมื่อหนีไปที่ใดก็จะสร้างบ้านเมืองไว้ แต่ท้าวเวชสุวรรณโณตามไม่ลดละจนไล่ทันทุกครั้งไป ทำให้สร้างบ้านเมืองไม่สำเร็จเสียที

กระทั่งสุดท้ายท้าวอู่ทองได้หนีมาสร้างเมืองสิงห์เป็นผลสำเร็จ เมื่อท้าวเวชสุวรรณโณตามมาถึงก็พบว่ามีกำแพง ป้อมปราการ และเวรยามป้องกันอย่างหนาแน่น จึงออกอุบายแปลงกายเป็นวัวแล้วเข้ามาในเมืองเป็นผลสำเร็จ ท้าวเวชสุวรรณโณจับทหารกินทีละคนจนท้าวอู่ทองเห็นผิดสังเกต คิดว่าวัวตัวนี้น่าจะเป็นท้าวเวชสุวรรณโณจึงคิดหนี แต่ในที่สุดท้าวเวชสุวรรณโณก็ด้จับท้าวอู่ทองกิน

รูปแบบลิขสิทธิ์Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
เจ้าของสิทธิ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
วันที่จัดทำข้อมูล2015-08-25
ผู้จัดทำข้อมูลดร.รุ่งโรจน์ ธรรมรุ่งเรือง
บรรณานุกรม

ฉันทนา สุรัสวดี, “การศึกษาปราสาทเมืองสิงห์ ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี” วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต สาขาโบราณคดีสมัยประวัติศาสตร์ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2530.

ระพีศักดิ์ ชัชวาล, รายงานการขุดแต่งและบูรณะปราสาทเมืองสิงห์. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2520.

ศิลปากร, กรม. ทะเบียนโบราณสถาน. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2532.

ศิลปากร, กรม. เมืองสิงห์และปราสาทเมืองสิงห์ จังหวัดกาญจนบุรี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2530.