ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 

พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์

คำสำคัญ :

ชื่อหลักพระราชวังสนามจันทร์
ประเภทงานศิลปะสถาปัตยกรรม
ตำบลสนามจันทร์
อำเภอเมือง
จังหวัดนครปฐม
ภาคภาคกลาง
ประเทศไทย
พิกัดภูมิศาสตร์
ค่าองศาทศนิยม
Lat : 13.818844
Long : 100.045969
พิกัดภูมิศาสตร์
พิกัดกริด
Zone : 47 P
Hemisphere : N
E : 613048.53
N : 1527937.99
ตำแหน่งงานศิลปะทางทิศใต้ของสนามใหญ่ มีอนุสาวรีย์ย่าเหลอยู่ด้านหน้า

ประวัติการสร้าง

พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์สร้างขึ้นราวพ.ศ. 2453 สำหรับประทับเมื่อเสด็จมาซ้อมรบเสือป่า โดยมีสถาปนิกคือหม่อมเจ้าอิทธิเทพสรร กฤดากร เดิมเรียกว่าพระตำหนักเหล ต่อมาในปี พ.ศ. 2458 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระตำหนักใหม่ว่า พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ และโปรดเกล้าฯ ให้จัดพระราชพิธีขึ้นพระตำหนักเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2460

กระบวนการสร้าง/ผลิต

คอนกรีตเสริมเหล็กและก่ออิฐฉาบปูน

ประวัติการอนุรักษ์

ประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 98ตอนที่ 177 วันที่ 27 ตุลาคม 2478

มหาวิทยาลัยศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ระหว่างวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2535 – 30 กันยายน พ.ศ. 2536 โดยบริษัทดำรงก่อสร้างวิศว จำกัด ใช้เงินในการบูรณะทั้งสิ้น 8,000,000 บาท โดยได้ทำการบูรณะบริเวณหลังคา ฝ้าเพดาน พื้นชั้นล่างและชั้นบน เสา ผนัง ลาดลาย ประตู หน้าต่าง ช่องลม บันได ห้องสรง ห้องน้ำใต้บันไดและห้องส่งเครื่อง

สำนักพระราชวังได้ทำการบูรณะพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ในระหว่างปี พ.ศ. 2546 – 2550 โดยมอบหมายให้นายวัชรกิติ วัชโรทัยเป็นผู้ควบคุมการดำเนินงานและได้รับงบประมาณจารัฐบาล ได้ทำการสกัดรอยร้าวตามจุดต่างๆและส่วนที่ชำรุด สกัดผิวปูนบริเวณฝ้าและในตัวอาคารที่ชำรุดเพื่อฉาบผิวปูนใหม่
ขนาดกว้าง 12 เมตร ยาว 23 เมตร
ลักษณะทางศิลปกรรม

พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์เป็นพระตำหนักสองชั้นในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันด้านหน้าซึ่งเป็นด้านยาวไปทางทิศเหนือ ปลายสุดของด้านสกัดตะวันออก – ตะวันตกเป็นระเบียงโค้งครึ่งวงกลม มุมอาคารทั้ง 4 ทำเป็นเสากลมซึ่งมีชั้นบนใหญ่กว่าชั้นล่าง ปลายสุดทำเป็นทรงกรวยสองชั้น บริเวณทางเข้าด้านหน้าทำเป็นเสาคล้ายเสาที่มุมแต่สูงกว่า ยอดด้านหนึ่งทำทรงกรวยสองชั้นแต่แหลมสูงกว่าเสาที่มุม ยอดอีกด้านหนึ่งทำเป็นหลังคาจัตุรมุขมีหลังคาปีกนกรับโดยรอบ ชั้นล่างมีห้องใต้บันได ห้องโถงบันได ห้องโถงปีกตะวันตกและห้องส่งเครื่อง ชั้นบนมีห้องทรงพระอักษร ห้องบรรทมและห้องสรง

ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ

พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ เดิมเรียกพระตำหนักเหล ตามนามของย่าเหล สุนัขแสนรู้ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ อันมีความหมายว่า ที่ประทับอันเป็นสิริมงคล โดยได้ชื่อมาจากยาร์เลต์ ตัวละครเอกในบทละครเรื่อง My Friend Jarlet

มีรูปแบบศิลปะแบบโรแมนติกที่ผสมผสานปราสาทแบบเรอเนซองส์ของฝรั่งเศสและอาคารแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ของอังกฤษ เป็นอาคารที่ให้ความสำคัญกับความเป็นอนุสาวรีย์ที่สะท้อนแนวความคิดในการแปรความเชิงนามธรรมจากวรรณกรรมสู่งานสถาปัตยกรรมมากกว่าประโยชน์ใช้สอยของอาคาร เนื่องจากทรงได้แรงบันดาลใจในการสร้างพระตำหนักหลังนี้มาจากวรรณกรรมโรแมนติกเรื่อง My Friend Jarlet ของ Arnold golsworthy และ E.B. Norman

แม้พระตำหนักหลังนี้จะสร้างด้วยศิลปะตะวันตกแต่ก็ได้ดัดแปลงส่วนอื่นให้เข้ากับภูมิอากาศของประเทศไทย โดยการทำระเบียงลูกกรงและช่องลมเพื่อระบายอากาศ
ข้อสังเกตอื่นๆ

-

ยุคประวัติศาสตร์
สมัย/รูปแบบศิลปะรัตนโกสินทร์
อายุพุทธศตวรรษที่ 25
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้องศิลปะในราชสำนัก
ตำนานที่เกี่ยวข้อง

-

งานศิลปะที่เกี่ยวข้อง

1. ปราสาทเชอนองโซ(Chenonceau) ประเทศฝรั่งเศส ปราสาทริมแม่น้ำแชร์ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้รัชกาลที่ 6 ออกแบบพระตำหนักชาลีมงคลาอาสน์ โดยนำรูปแบบด้านหน้าของปราสาทส่วนที่เป็นหอคอยมาใช้

2. พระตำหนักมารีราชรัตนบัลลังก์ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พระตำหนักที่สร้างคู่กับพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ สถาปัตยกรรมแบบตะวันตกอีกแห่งที่มีการทำช่องลมและระเบียงลูกกรงเพื่อให้เหมาะสมกับอากาศเมืองร้อน

รูปแบบลิขสิทธิ์Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND)
เจ้าของสิทธิ์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
วันที่จัดทำข้อมูล2017-07-29
ผู้จัดทำข้อมูลพัสวีสิริ เปรมกุลนันท์
บรรณานุกรม

มหาวิทยาลัยศิลปากร. พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์และพระราชวังสนามจันทร์. กรุงเทพฯ: บริษัทอมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง, 2539.

มหาวิทยาลัยศิลปากร. พระราชวังสนามจันทร์และเสือป่ากับการรักษาความมั่นคงของชาติ. กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัย, 2550.

โกสินทร์ รตนประเสริฐ. เลาะรั้วชมวัง. กรุงเทพฯ: ยิปซี, 2557.

เฉลิมฉลอง 100 ปี พระราชวังสนามจันทร์. กรุงเทพฯ: พระที่นั่งวิมานเมฆ พระราชวังดุสิต สำนักพระราชวัง, 2551.