ค้นหางานศิลปกรรม

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 
 
 
 
 
 
 
แสดง 17 ถึง 24 จาก 40 รายการ, 5 หน้า
ปราสาทบาญอิ๊ด
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมปราสาทบาญอิ๊ด

ปราสาทแห่งนี้ประกอบไปด้วยอาคาร 4 หลัง คือ ปราสาทประธาน บรรณาลับ หอจารึก (?) และโคปุระ ซึ่งกลุ่มอาคารดังกล่าวคล้ายคลึงกับการจัดกลุ่มอาคารของปราสาทมิเซินในศิลปะมิเซิน A1 อย่างไรก็ตาม ปราสาทแห่งนี้มีการจัดวางอาคารอย่างซับซ้อน เช่น ให้ปราสาทประธานและบรรณาลัยอยู่ด้านบนสุด ส่วนอาคารหอจารึกและโคปุระกลับอยู่ด้านล่างลงมา

ซุ้มของปราสาทบาญอิ๊ด
บิญดิ่น
สถาปัตยกรรมซุ้มของปราสาทบาญอิ๊ด

ปราสาทประธานประดับด้วยซุ้มทรงใบหอก มีการสลักลวดลายบนอิฐจนเต็ม ด้านบนสุดปรากฏหน้ากาล ซุ้มทรงใบหอกนี้แสดงรูปแบบซุ้มในศิลปะบิญดิ่นแล้ว อย่างไรก็ตราม การสลักลวดลายจนเต็มพื้นที่นั้นเป็นลักษณะพิเศษของซุ้มที่นี่ การปรากฏหน้ากาลด้านบนยังแสดงให้เห็นร่องรอยอิทธิพลชวาที่ส่งผ่านจากศิลปะมิเซิน A1 มาสู่ศิลปะบิญดิ่น

บรรณาลัย (?) ปราสาทบาญอิ๊ด
บิญดิ่น
สถาปัตยกรรมบรรณาลัย (?) ปราสาทบาญอิ๊ด

ด้านข้างปราสาทประธานเป็นที่ตั้งของอาคารในผังสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีหลังคาทรงประทุน อาคารดังกล่าวนี้ตรงกับ “บรรณาลัย” ในศิลปะขอม โดยลักษณะพิเศษของอาคารหลังนี้ก็คือ การสลักลวดลายตกแต่งทั้งฐาน เรือนธาตุและซุ้มหน้านาง อาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้าซึ่งมีหลังคาทรงประทุนในลักษณะเช่นนี้ ปรากฏทั้งในศิลปะมิเซิน A1 และบิญดิ่น อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปราสาทประธานสามารถกำหนดอายุได้ในศิลปะบิญดิ่น ด้วยเหตุนี้อาคารหลังนี้จึงควรมีอายุเดียวกันกับปราสาทประธาน

ปราสาทบิญหลำ
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมปราสาทบิญหลำ

เป็นปราสาทสมัยบิญดิ่นตอนต้นที่งดงามด้วยการตกแต่งซุ้มจระนำทรงปราสาท เรือนธาตุมีการตกแต่งด้วยเสาติดผนังจำนวน 5 ต้น มีร่องแต่ไม่มีลวดลายแล้ว ส่วนกลางของเรือนธาตุปราสาทปราสาทจำลองบดบังเสาต้อนที่ห้า ประดับไปด้วยซุ้มกาล-มกรแบบอิทธิพลชวาซึ่งยังตกทอดลงมาจนถึงระยะนี้ การที่เรือนธาตุมีการตกแต่งด้วยเสาติดผนังจำนวน 5 ต้น มีร่องแต่ไม่มีลวดลาย โดยที่ร่องไม่ได้ทะลุเลยบัวหัวเสาอีกต่อไปนั้น ถือเป็นลักษณะของศิลปะบิญดิ่นตอนต้น ประเด็นนี้ตอบรับกับซุ้มกาล-มกรแบบอิทธิพลชวาซึ่งแพร่หลายมาตั้งแต่ศิลปะมิเซิน A1 และยังปรากฏตกทอดอยู่มาจนถึงศิลปะบิญดิ่นตอนต้น

ซุ้มทรงปราสาทของปราสาทบิญหลำ
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมซุ้มทรงปราสาทของปราสาทบิญหลำ

เป็นปราสาทสมัยบิญดิ่นตอนต้นที่งดงามด้วยการตกแต่งซุ้มจระนำทรงปราสาท ปราสาทจำลอง ประดับไปด้วยซุ้มกาล-มกรแบบอิทธิพลชวาซึ่งยังตกทอดลงมาจนถึงระยะนี้ชั้นซ้อนของปราสาทจำลอง ปรากฏชั้นซ้อนจำลนวนสี่ชั้น แต่ละชั้นประดับไปด้วยซุ้มจระนำและอาคารจำลองอย่างงดงาม โดยซุ้มทั้งหมดทับอยู่บนกรอบรูปใบหอกอีกทีหนึ่ง เนื่องด้วยซุ้มปราสาทดังกล่าวปรากฏ “ซุ้มกาล-มกร” แบบอิทธิพลชวาซึ่งแพร่หลายมาตั้งแต่ศิลปะมิเซิน A1 และยังปรากฏตกทอดอยู่มาจนถึงศิลปะบิญดิ่นตอนต้น ดังนั้นเมื่อศึกษาร่มกับเสาติดผนังทำให้ทราบว่าปราสาทแห่งนี้อยู่ในระยะหัวเลี้ยวหัวต่อระหว่างมิเซิน A1 กับบิญดิ่นตอนต้น

ปราสาทถาปดอย
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมปราสาทถาปดอย

ปราสาทถาปดอย เป็นปราสาทที่ได้รับอิทธิพลของศิลปะขอมอย่างมาก ดังที่มีการใช้หินตามแบบขอมแทรกเข้าในอาคารที่ใช้อิฐเป็นวัสดุหลัก นอกจากนี้ ปราสาทยังมีการประดับกลีบขนุน ทำให้ยอดของปราสาทกลายเป็นทรงพุ่มดังที่ปรากฏที่ปราสาทขอมตั้งแต่สมัยนครวัดลงมา นอกจากนี้ การใช้ “ครุฑแบก” แบกที่มุมปราสาทยังเกี่ยวข้องกับศิลปะขอมอีกด้วย เนื่องจากจามตกเป็นเมืองขึ้นของขอมในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย ร่วมสมัยกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของขอม ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถกำหนดอายุปราสาทที่ได้อิทธิพลขอมว่าควรอยู่ในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย

ยอดของปราสาทถาปดอย
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมยอดของปราสาทถาปดอย

ปราสาทถาปดอย เป็นปราสาทที่ได้รับอิทธิพลของศิลปะขอมอย่างมาก ดังที่มีการใช้หินตามแบบขอมแทรกเข้าในอาคารที่ใช้อิฐเป็นวัสดุหลัก นอกจากนี้ ปราสาทยังมีการประดับกลีบขนุน ทำให้ยอดของปราสาทกลายเป็นทรงพุ่มดังที่ปรากฏที่ปราสาทขอมตั้งแต่สมัยนครวัดลงมา นอกจากนี้ การใช้ “ครุฑแบก” แบกที่มุมปราสาทยังเกี่ยวข้องกับศิลปะขอมอีกด้วย เนื่องจากจามตกเป็นเมืองขึ้นของขอมในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย ร่วมสมัยกับพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ของขอม ด้วยเหตุนี้ จึงสามารถกำหนดอายุปราสาทที่ได้อิทธิพลขอมว่าควรอยู่ในสมัยบิญดิ่นตอนปลาย

ปราสาทแก๋งเตียน
บิ่ญดิน
สถาปัตยกรรมปราสาทแก๋งเตียน

เป็นปราสาทที่มีเสาติดผนังห้าต้น โดยเสาไม่มีร่องและไม่มีลวดลายประดับใดๆ ยกเว้นเสาต้นข้างที่ตกแต่งด้วยหิน อันแสดงอิทธิพลบายน ยอดปราสาทเป็นชั้นวิมานตามแบบจามแท้ อย่างไรก็ตาที่มุมมีการประดับด้วยปราสาทจำลองซึ่งเป็นพุ่มคล้ายถะจีน ปราสาทจำลองที่เป็นพุ่มนี้ปรากฏเช่นกันกับเทวาลัยในระยะเดียวกัน เช่นปราสาททูเทียน เป็นต้น จากเสาติดผนังห้าต้นที่ไม่มีลายประดับ การประดับหินตามอิทธิพลบายน และรูปแบบปราสาทมุมที่เป็นพุ่ม ทำให้กำหนดอายุได้ว่าอยู่ในศิลปะบิญดิ่นตอนปลาย