ค้นหางานศิลปกรรม
ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
คำสำคัญ : พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก, พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม, โบสถ์วัดพระแก้ว
ชื่อหลัก | พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
---|---|
ชื่ออื่น | โบสถ์วัดพระแก้ว |
ประเภทงานศิลปะ | ประติมากรรม |
ตำบล | พระบรมมหาราชวัง |
อำเภอ | เขตพระนคร |
จังหวัด | กรุงเทพมหานคร |
ภาค | ภาคกลาง |
ประเทศ | ไทย |
พิกัดภูมิศาสตร์ ค่าองศาทศนิยม | Lat : 13.751316 Long : 100.492618 |
พิกัดภูมิศาสตร์ พิกัดกริด | Zone : 47 P Hemisphere : N E : 661377.14 N : 1520723.14 |
ตำแหน่งงานศิลปะ | ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม |
ประวัติการสร้าง | พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธรูปทรงเครื่องต้นอย่างจักรพรรดิราช ถวายพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นเทเวศร์วัชรินทร์ ทรงกำกับการสร้างด้วยมูลเหตุว่า 1. ทรงสร้างเพื่อให้เป็นพระราชกุศลใหญ่และเป็นพระเกียรติยศโดยมีพระราชประสงค์ให้เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระอัยกาธิราชจักรพรรดินาถบพิตรเช่นเดียวกับการสร้างพระพุทธรูปพระศรีสรรเพชญ์และพระบรมรูปพระเชษฐบิดรครั้งกรุงศรีอยุธยา 2. เพื่อเปลี่ยนการขนานนามพระเจ้าแผ่นดินที่เคยเรียกรัชกาลที่ 1 ว่า แผ่นดินพระพุทธเจ้าหลวงในพระบรมโกศ หรือแผ่นดินต้น เป็นแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ขนานนามว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 1 ว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวยังได้โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธเลิศหล้าสุราลัยเพื่อถวายพระราชกุศลแด่สมเด็จพระบรมชนกนาถ โดยมีรูปแบบและคติความเชื่อเช่นเดียวกันกับพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ต่อมาในรัชกาลที่ 4 ได้ทรงแก้ไขสร้อยนามใหม่เป็น พระพุทธเลิศหล้านภาลัย |
---|---|
กระบวนการสร้าง/ผลิต | หล่อด้วยสำริดปิดทองและประดับอัญมณี |
ประวัติการอนุรักษ์ | - |
ขนาด | สูงจากฐานถึงยอดมงกุฎ 300 เซนติเมตร |
ลักษณะทางศิลปกรรม | พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นพระพุทธรูปยืนทรงเครื่องต้นอย่างพระมหาจักรพรรดิ พระพักตร์สงบนิ่งอย่างหุ่น พระขนงโก่ง มีอุณาโลมบนพระนลาฏ ทรงมงกุฎประกอบด้วยกรรเจียกจร พระพุทธรูปแสดงปางห้ามสมุทร หรือประทานอภัย 2 พระหัตถ์ นิ้วพระหัตถ์ยาวเสมอกัน ครองจีวรห่มเฉียง สวมกรองศอ สังวาล ทับทรวง พาหุรัด ทองพระกร พระธำมรงค์ทุกนิ้วพระหัตถ์ สายรัดพระองค์มีปั้นเหน่งรูปดอกไม้แปดเหลี่ยม ด้านล่างมีสุวรรณกระถอบห้อยอยู่เบื้องหน้า มีทั้งชายไหวชายแครง ทรงทองพระบาทและฉลองพระบาทเชิงงอน ประทับยืนบนฐานบัวคว่ำบัวหงายเหนือฐานสิงห์มีสิงห์แบก ครุฑแบกและเทวดาแบกลดหลั่นกัน |
ข้อมูลที่สำคัญทางวิชาการ | 1. พระพุทธรูปสร้างถวายแด่บูรพกษัตริย์ในสมัยรัชกาลที่ 3 2. ตัวอย่างพระพุทธรูปทรงเครื่องที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 และมีเครื่องทรงสมบูรณ์ที่สุดองค์หนึ่ง |
ข้อสังเกตอื่นๆ | นอกจากพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกและพระพุทธเลิศหล้านภาลัยแล้ว ภายในพระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดารามยังมีพระพุทธรูปทรงเครื่องต้น ซึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อทรงอุทิศพระราชกุศลแด่พระบรมราชวงศ์อีกหลายองค์ ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีขนาดเล็กกว่าสององค์แรก (สูงโดยเฉลี่ย 260 – 290 เซนติเมตร) |
ยุค | ประวัติศาสตร์ |
สมัย/รูปแบบศิลปะ | รัตนโกสินทร์ |
อายุ | พุทธศตวรรษที่ 24 |
ศาสนา | พุทธ |
ลัทธิ/นิกาย | เถรวาท |
ศาสนา/ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง | พุทธศาสนาเถรวาท , ศิลปะในราชสำนัก |
ตำนานที่เกี่ยวข้อง | - |
งานศิลปะที่เกี่ยวข้อง | พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระพุทธรูปประดิษฐานในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระพุทธรูปฉลองพระองค์ในพระบรมมหาราชวัง |
รูปแบบลิขสิทธิ์ | Attribution-NonCommercial-NoDerivs (CC BY-NC-ND) |
---|---|
เจ้าของสิทธิ์ | ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) |
วันที่จัดทำข้อมูล | 2017-05-02 |
ผู้จัดทำข้อมูล | พัสวีสิริ เปรมกุลนันท์, ธนภัทร์ ลิ้มหัสนัยกุล |
บรรณานุกรม | สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์, ม.ร.ว. พระพุทธปฏิมาในพระบรมมหาราชวัง. กรุงเทพฯ: สำนักราชเลขา, 2535. ศักดิ์ชัย สายสิงห์. พระพุทธรูปในประเทศไทย : รูปแบบ พัฒนาการและความเชื่อของคนไทย. กรุงเทพฯ: ภาควิชาประวัติศาสตร์ศิลปะ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2556. ชื่นสุข กาญจนภิญโญวงศ์. “พระพุทธปฏิมาสมัยรัชกาลที่ 3 – รัชกาลที่ 5 : การเปลี่ยนแปลงคติการสร้างและรูปแบบศิลปกรรม.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2547. กุมารี ทองเผือก. “ลักษณะลวดลายและกรรมวิธีทำเครื่องทรงของพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น.” วิทยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ศิลปะ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร, 2553. |